บ้าน-คอนโดทะลัก 2 แสนหน่วยรับEEC ทุนไทยอินเดีย’บลูสกายกรุ๊ป’บุกพัทยา 5 โครงการ

แกรนด์ ฟลอริด้า - กลุ่มบลูสกายกรุ๊ปมองเห็นโอกาสลงทุนรับ EEC เข้ามาปูพื้นฐานเจาะตลาดคอนโดมิเนียมในพัทยา 6 ปีที่แล้ว ล่าสุดมี 5 โครงการมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้าน
อสังหาฯโซน EEC คึกคักสุดขีด บ้านจัดสรร 710 โครงการ 1.9 แสนยูนิต คอนโดฯ 230 โครงการ 8.9 หมื่นหน่วย เผยราคาที่ดินพุ่งรับอนาคตใหม่ 30-50% จับตาเมืองพัทยา ทุนไทยอินเดีย “บลูสกาย แอสเสท พลัส” เปิดไม่ยั้ง 6 ปี 5 โครงการ มูลค่ารวม 1 หมื่นกว่าล้านบาท

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นโยบายโปรโมตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ของรัฐบาล คสช. ทำให้ 3 จังหวัดเป้าหมาย ได้แก่ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา มีความคึกคักเป็นอย่างมากในเวลานี้ โดยเฉพาะภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเขตพัทยา ซึ่งมีแม็กเนตจากการเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกเป็นทุนประเดิมที่ดีให้กับพื้นที่ ทำให้ดีเวลอปเปอร์ทั้งไทยและเทศต่างให้ความสนใจเข้าไปลงทุนอย่างต่อเนื่อง

3 จังหวัดแบ่งกันโต

นายรัชภูมิ จงภักดี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์ที่อยู่อาศัยพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC พบว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครอบคลุม 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา กำลังเป็นทำเลที่ดีเวลอปเปอร์ทั้งรายใหญ่รายเล็กให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

โดยผู้ประกอบการใหญ่หลายรายต่างพากันสะสมแลนด์แบงก์เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยจำนวนมาก เช่น บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท บมจ.ศุภาลัย บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ บมจ.เสนา ดีเวลลอปเมนท์ บมจ.เอสซี แอสเสท บมจ.ควอลิตี้ เฮ้าส์ เป็นต้น

โดยพบว่าแต่ละจังหวัดมีบทบาทแตกต่างกัน เริ่มจากฉะเชิงเทราเป็นเมืองที่อยู่อาศัยชั้นดีรองรับการขยายตัวของกรุงเทพฯ, พัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ ศูนย์การให้บริการด้านการแพทย์ระดับนานาชาติ ซึ่งมีอู่ตะเภาเป็นศูนย์ธุรกิจการบิน และโลจิสติกส์อาเซียน ส่วนระยองเป็นเมืองแห่งการศึกษาและวิทยาศาสตร์

โซน EEC 710 โครงการจังหวัดชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา มีหน่วยอยู่ระหว่างขายทั้งสิ้น 192,350 หน่วยแบ่งเป็นบ้านจัดสรร 710 โครงการ 103,350 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 250,500ล้านบาท เหลือขาย 35,900 หน่วย มูลค่าหน่วยเหลือขายรวม 80,000 ล้านบาท

ส่วนคอนโดมิเนียมมีโครงการอยู่ระหว่างขาย 230 โครงการ หน่วยในผังรวมกัน 89,000 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 301,992 ล้านบาท เหลือขาย 16,367 หน่วย มูลค่ารวม 49,552 ล้านบาท เป็นลำดับสองรองจากกรุงเทพฯ

โดยชลบุรีมีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมากที่สุดใน EEC จำนวน 154,400 หน่วย แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 480 โครงการ หน่วยขายแล้ว 70,000 หน่วย เหลือขาย 24,000 หน่วย, คอนโดฯอยู่ระหว่างขาย 210 โครงการ รวม 84,400 หน่วย เป็นหน่วยเหลือขาย 12,300 หน่วย

แนวราบ 3-5 ล้านขายดี

จังหวัดระยองมีหน่วยระหว่างขาย 27,200 หน่วย แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 23,200 หน่วย จาก 190 โครงการ เหลือขาย 8,600 หน่วย คอนโดฯ 22 โครงการ หน่วยขายรวมกัน 4,000 หน่วย เหลือขาย 600 หน่วย

จังหวัดฉะเชิงเทรามีทั้งสิ้น 10,750 หน่วย แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 40 โครงการ 10,150 หน่วย เหลือขาย 3,300 หน่วย, คอนโดฯ 1 โครงการ 600 หน่วย เหลือขาย 150 หน่วย

โดยโครงการแนวราบกลุ่มราคา 3-5 ล้านบาทเป็นระดับราคาที่ผู้ประกอบการนิยมพัฒนามากที่สุดและขายดีที่สุด ในจำนวนนี้สินค้าทาวน์เฮาส์มีการพัฒนาสูงสุด สัดส่วน 43% รองลงมาบ้านเดี่ยว 33% ส่วนคอนโดฯ แบบ 1 ห้องนอนในกลุ่มราคา 2.5-5 ล้านบาท ผู้ประกอบการนิยมพัฒนามากที่สุด สัดส่วน 68%

ราคาที่ดินพุ่ง 30-50%

ในด้านราคาที่ดินพบว่า หลังรัฐบาลประกาศโปรโมต EEC ส่งผลให้ความเคลื่อนไหวซื้อขายที่ดินใน 3 จังหวัดคือ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ระยอง มีความคึกคักขึ้นเป็นอย่างมาก ภาวะราคาที่ดินก็มีการปรับตัวสูงขึ้น ประเมินว่าราคาที่ดินในจุดที่เป็นเขตเศรษฐกิจ EEC ปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ย 30-50%

รายละเอียดรายทำเล ดังนี้ ราคาที่ดินใน จ.ชลบุรี มีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ อ.ศรีราชา ปัจจุบันทำเลติดถนนปรับสูงถึง 80-100 ล้านบาท/ไร่ ที่ดินติดทะเลราคา 100 ล้านบาท/ไร่ เพราะที่ดินค่อนข้างหายากและส่วนใหญ่เป็นที่ดินของรัฐ

ที่ดินใน อ.สัตหีบ ขยับตัวสูงไม่แพ้กันจากการทุ่มงบประมาณรัฐในการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นสนามบินพาณิชย์แห่งที่ 3 ปัจจุบันราคาที่ดินโซนสวนเสือศรีราชา ทำเลไม่ได้ติดถนนไร่ละ 5 ล้านบาท เทียบกับในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาไร่ละ 2-3 ล้านบาท

จับตา “ท่าจาม-หนองใหญ่”

ส่วนทำเลบูมของการลงทุนภาคอุตสาหกรรมอยู่ในพื้นที่ตำบลบ่อวิน มีแนวโน้มขยายตัวไปทางเขาคันทรง อ.ศรีราชา ถึง ท่าจาม อ.หนองใหญ่ เพราะมีพื้นที่รองรับอีกหลายหมื่นไร่ ในขณะที่ราคายังจับต้องได้ อาทิ หากเป็นที่ดินแปลงใหญ่ราคา 2-4 ล้านบาท กรณีที่ดินแปลงเล็กไม่เกิน 10 ไร่ ราคาขยับไปถึงไร่ละ 15 ล้านบาท

ราคาที่ดินใน จ.ระยองมีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง อาทิ ทำเลทางหลวงหมายเลข 36 ซึ่งเป็นถนนสายรอง ราคาก้าวกระโดดจาก 5 ล้านบาท/ไร่ ช่วงก่อนรัฐบาลประกาศเขตอีอีซี เพิ่มเป็น 20 ล้านบาท/ไร่ ส่วนถนนสายหลักติดถนนสุขุมวิท ปัจจุบันราคาไร่ละ 40 ล้านบาท จากไร่ละ 15 ล้านบาทในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

ราคาที่ดินจังหวัดฉะเชิงเทรา ทำเลถนนบางปะกง-ฉะเชิงเทรา ซึ่งทำเป็นมอเตอร์เวย์ กรณีที่ดินแปลงเล็กไม่เกิน 10 ไร่ ทำเลติดถนนใหญ่ เดิมไร่ละ 10 ล้านบาท พุ่งขึ้นเป็นไร่ละ 13-15 ล้านบาท หากเป็นที่ดินแปลงใหญ่ราคาซื้อขายลดลงไปเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากที่ดินในฉะเชิงเทราส่วนใหญ่อยู่ในเขตผังเมืองสีเขียว จึงไม่มีการลงทุนอุตสาหกรรมมากนัก และถูกนำมาพัฒนาเป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัยมากกว่า โดยเฉพาะในเขตตัวเมืองของ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง บ้านโพธิ์ บางคล้า และนิคมพัฒนา

ทุนไทยอินเดียจัดอีเวนต์

นายทศพร ศักดิ์สงวนมนูญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูสกาย แอสเสท พลัส จำกัด ในกลุ่มบลูสกายกรุ๊ป กล่าวว่า บริษัทจัดพิธีลงนามสินเชื่อโครงการแกรนด์ ฟลอริด้า ระหว่างบลูสกายกรุ๊ปกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา วงเงิน 1,587 ล้านบาท และลงนามสัญญาว่าจ้างก่อสร้างกับบริษัท ฤทธา จำกัด วงเงิน 1,500 ล้านบาท สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าเพราะได้บริษัทรับเหมาก่อสร้างระดับท็อป 5 ของประเทศเป็นผู้รับผิดชอบ

รายละเอียด แกรนด์ ฟลอริด้า มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท ออกแบบเป็นคอนโดฯโลว์ไรส์ 7 ชั้น 8 อาคาร รวม 1,082 ยูนิต มีให้เลือกแบบ 1 ห้องนอนกับดูเพล็กซ์ พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 36-122 ตารางเมตร คอนเซ็ปต์ห้องชุดฟูลลี่เฟอร์นิช

ปัจจุบันเริ่มการก่อสร้างแล้วคาดว่าสร้างเสร็จภายในเดือนมกราคม 2563บริษัทเปิดขาย 1 ปีมียอดขายแล้ว 70% เหลือขาย 30% เดิมราคาเริ่มต้น 9 หมื่น-1 แสนบาท/ตารางเมตร ปัจจุบันราคาขยับไปอยู่ที่ 1.1-1.2 แสนบาท/ตารางเมตร คาดว่าสามารถปิดการขายได้ก่อนการก่อสร้างแล้วเสร็จ

“ผมเข้ามาเป็นผู้บริหารได้ 3 เดือน หนึ่งในภารกิจหลักคือนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงต้องมีการเตรียมตัวหลายด้าน เรื่องแรกที่เข้ามาช่วยดูคือปรับโครงสร้างการบริหารให้เป็นสากล และดูเรื่องทั่ว ๆ ไป เราให้ความสำคัญทุกรายละเอียด อย่างผู้รับเหมาเราเลือกบริษัทฤทธาซึ่งจ่ายแพงกว่าบริษัทรับเหมาอื่น 400 กว่าล้าน แต่เป็นบริษัทมีชื่อเสียง ลูกค้าก็สบายใจ ผมดูรวมไปถึงการเรียกเงินดาวน์ 35% เพราะต้องการคัดลูกค้าเรียลดีมานด์ซื้อแล้วอยู่จริง สกัดลูกค้าเก็งกำไร”

บลูสกายบุกพัทยาหมื่นล้าน

นายสรยิตซิงห์ จาวลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลูสกายกรุ๊ป กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า บริษัทเข้ามาลงทุนในพัทยา 6 ปี พัฒนาแล้ว 5 โครงการ มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท ประกอบด้วยคอนโดฯ แบรนด์แอตแลนติส, แกรนด์ แคริบเบียน, เวเนเชียน ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จลูกค้ารับโอนและทยอยเข้าอยู่แล้ว อีกสองโครงการคือ เอสปันญ่ากับแกรนด์ ฟลอริด้า

“ผมเป็นคนโคราชแต่มาทำธุรกิจในกรุงเทพฯ เห็นโอกาสลงทุนพัฒนาโครงการในเมืองพัทยาจึงเข้ามาลงทุนเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ลูกค้าตอบรับดีมากจึงค่อนข้างมั่นใจว่าเดินมาถูกทาง และต้องการให้เป็นธุรกิจหลักต่อไปในอนาคต จึงมองเรื่องการสร้างความมั่นคงแข็งแรงให้กับองค์กร แนวทางหนึ่งก็คือผลักดันบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะฉะนั้น ในระหว่างนี้โครงการที่ทำอยู่ก็สานต่อให้จบ ขณะเดียวกันมองหาแลนด์แบงก์ผืนใหม่ตลอดเวลา เพราะการเตรียมตัวเข้าตลาดจะต้องมีโมเดลธุรกิจที่มีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง” นายสรยิตซิงห์กล่าว

อนึ่ง บลู สกาย แอสเสท พลัส ในเครือบลูสกายกรุ๊ป ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท มีผู้บริหารระดับสูง 3 คน ได้แก่ นายสรยิตซิงห์ จาวลา กับนายทรงศักดิ์ วิสุทธารมณ์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ล่าสุดมีผู้บริหารมืออาชีพคือ นายทศพร ศักดิ์สงวนมนูญ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารให้กับบลูสกาย แอสเสท พลัส