เปิดตัวเลขการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯของคนต่างชาติปี 2566 โดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ พบว่าหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้น 25.0% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สะท้อนให้เห็นสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯ ฟื้นตัวจากช่วงโควิด-19 จีนยังครองแชมป์ซื้ออสังหาฯไทยมากที่สุด ขณะที่มีข้อมูลว่าเมียนมาซื้ออสังหาฯแพงที่สุด เฉลี่ย 6.6 ล้านบาทต่อยูนิต
วันที่ 8 เมษายน 2567 ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ของหน่วยโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯของคนต่างชาติในปี 2566 ที่ผ่านมา มีการปรับเพิ่มขึ้นของสัดส่วนหน่วยและมูลค่าเมื่อเที่ยบกับการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั้งระบบ โดยเพิ่มขึ้น 13.4% และ 24.0% ตามลำดับ จาก 10.8% และ 20.5% ในปี 2565 และหากพิจารณาดูจำนวนค่าเฉลี่ยของการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯในปี 2566 พบว่าอยู่ที่ประมาณ 3,600 หน่วยต่อไตรมาส
โดยมีจำนวนหน่วยใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีจำนวนอยู่ที่ประมาณ 3,300 หน่วยต่อไตรมาส แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯของคนต่างชาติเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะที่ดีและเริ่มเป็นปกติแล้ว
ปัจจัยบวกจากนโยบายในการเปิดประเทศให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งประเทศไทยนับเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก และรัฐบาลได้ออกมาตรการ “วีซาฟรีชั่วคราว” ให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน และชาวคาซัคสถาน เป็นระยะเวลา 5 เดือน จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 มีการเพิ่มฟรีวีซ่าให้กับประเทศอินเดีย และไต้หวัน เป็นระยะเวลา 7 เดือน จนถึง 10 พฤษภาคม 2567
ต่อมารัฐบาลได้เปิดฟรีวีซ่าให้กับชาวจีน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป โดยชาวไทยและชาวจีนสามารถเดินทางเข้าประเทศอีกฝ่ายหนึ่งได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า นับเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจช่วยสร้างโอกาสในการซื้อห้องชุดของคนต่างชาติเพิ่มขึ้น รวมถึงเหตุปัจจัยความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ส่งผลให้มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทยมากขึ้นตลอดช่วงปีที่ผ่านมา
จีนซื้อเยอะ-เมียนมาซื้อแพง
ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯเปิดเผยว่า ผู้ซื้อสัญชาติจีนยังคงเป็นกลุ่มที่มีหน่วยและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯ ต่างชาติมาเป็นอันดับ 1 มีสัดส่วน 45.8% และ 46.7% ตามลำดับ ส่วนอันดับ 2 เป็นสัญชาติรัสเซีย มีสัดส่วน 8.7% และ 6.1% ตามลำดับ และผู้ซื้อจากสหรัฐอเมริกามีเป็นอันดับ 3 มีสัดส่วน 4.4% ขณะที่ผู้ซื้อจากเมียนมามีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯเป็นอันดับ 3 มีสัดส่วน 5.1%
นอกจากนี้ยังพบประเด็นที่น่าสนใจว่า ในไตรมาสนี้ผู้ซื้อสัญชาติเมียนมายังคงมีการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯที่มีราคาเฉลี่ยต่อหน่วยสูงสุดที่ 6.6 ล้านบาท ในขณะที่สัญชาติสหราชอาณาจักรมีการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯ ขนาดเฉลี่ยใหญ่สุดอยู่ที่ 56.5 ตารางเมตร
ทั้งนี้ ภาพรวมสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯให้คนต่างชาติทั่วประเทศ ในไตรมาส 4 ปี 2566 พบว่า หน่วยโอนกรรมสิทธิ์ให้คนต่างชาติทั่วประเทศมีจำนวน 3,746 หน่วย ลดลง -0.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯให้คนต่างชาติทั่วประเทศมีจำนวน 20,901 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +6.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ ในมิติของพื้นที่โอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯให้คนต่างชาติทั่วประเทศมีจำนวน 171,722 ตารางเมตร เพิ่มขึ้น 0.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
คอนโดฯต่ำ 3 ล้านยังเป็นที่ต้องการ
สำหรับระดับราคาคอนโดฯที่เป็นที่นิยมของคนต่างชาติในไตรมาส 4 ปี 2566 พบว่าคอนโดฯที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ให้คนต่างชาติมากที่สุด อยู่ในช่วงราคาไม่เกิน 3.00 ล้านบาท โดยมีการโอนจำนวน 1,849 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 49.4% ของจำนวนหน่วยทั้งหมด ซึ่งเป็นระดับราคาที่ชาวต่างชาติส่วนใหญ่นิยมโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯมากที่สุด ตั้งแต่ปี 2562 ถึงปัจจุบัน
รองลงมาคือ ระดับราคา 3.01-5.00 ล้านบาท จำนวน 880 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 23.5% ระดับราคา 5.01-7.50 ล้านบาท จำนวน 458 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 12.2% ระดับราคามากกว่า 10.00 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 355 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 9.5% และระดับราคา 7.51-10.00 ล้านบาท มีจำนวนน้อยที่สุด คือ 204 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 5.4% ตามลำดับ
สัญญาณเมียนมา-ไต้หวันย้ายถิ่นฐาน
ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯเปิดเผยสัญชาติคนต่างชาติที่รับโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯ ในปี 2566 (มกราคม-ธันวาคม) พบว่าผู้ซื้อสัญชาติจีน เป็นกลุ่มที่มีการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯ มากที่สุดทั่วประเทศ โดยมีการโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ซื้อสัญชาติจีนไปแล้วทั้งหมด 6,614 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนที่สูงถึง 45.8 % ของหน่วยทั้งหมด
และอีก 4 สัญชาติที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดในอันดับรองลงมา ได้แก่ รัสเซีย จำนวน 1,260 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 8.7% ถัดมาคือ สหรัฐอเมริกา จำนวน 631 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 4.4% พม่า จำนวน 564 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 3.9% อับดับ 5 คือ ไต้หวัน จำนวน 532 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 3.7% ตามลำดับ
หากพิจารณาตั้งแต่ ปี 2561-2565 พบว่าสัญชาติที่มีจำนวนหน่วยสะสมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน รัสเซีย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส แต่ในปี 2566 (มกราคม-ธันวาคม) กลับพบว่า หน่วยสะสมสูงสุด 5 อันดับแรกเปลี่ยนแปลงดังนี้ จีน รัสเซีย สหรัฐอเมริกา เมียนมา และไต้หวัน
จากข้อมูลที่พบในปี 2566 มีข้อสังเกตว่า ผู้รับโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯสัญชาติจีนมีจำนวน 6,614 หน่วย คิดเป็น 45.8% และมีมูลค่า 34,132 ล้านบาท คิดเป็น 46.7% ของชาวต่างชาติที่โอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯ ทั้งหมด ซึ่งเป็นประเด็นที่น่าสนใจว่า สัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯของผู้ซื้อสัญชาติจีนในปี 2566 ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565 เนื่องจากผู้ซื้อสัญชาติอื่นมีการซื้อห้องชุดจำนวนหน่วยที่เพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน แม้ว่าผู้ซื้อสัญชาติจีนมีการซื้อในจำนวนหน่วยที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
“จากการประมวลภาพของการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯให้คนต่างชาติทั้งหมด ทำให้เราเห็นได้ว่าปริมาณทั้งในมิติของจำนวนหน่วย มูลค่า และพื้นที่ เริ่มฟื้นตัวกลับมาแล้ว ทั้งนี้ มีข้อสังเกตต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ว่า ตัวเลขการโอนกรรมสิทธิ์เหล่านี้เป็นสิ่งสะท้อนการซื้อขายส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และแสดงให้เห็นว่าการซื้อขายคอนโดฯของคนต่างชาติในช่วงที่ผ่านมาได้มีการโอนกรรมสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง” ดร.วิชัยกล่าว