
เดินมาไกลมากจากจุดเริ่มต้นทำธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเมนต์ ในปี 2512 ภายใต้บริษัทลูกในเครือแสนสิริ “บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด” แน่นอนว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งสปินออฟออกมาเป็นบริษัทใหม่ “LIV-24” ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สั่งสมประสบการณ์ที่มากขึ้นในทุก ๆ วัน ล่าสุด LIV-24 พร้อมแล้วในการประกาศแผนธุรกิจมุ่งสู่การเป็นอินดัสเตรียลเทคโซลูชั่นรายแรกของไทย
ดูแลคุณภาพอากาศ น้ำ กากของเสีย
บนเส้นทางที่มุ่งสู่การเป็นอินดัสเตรียลเทคโซลูชั่นรายแรกของไทย อยู่ภายใต้การประคบประหงมของบิ๊กบอส “อภิชาติ จูตระกูล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) มาตั้งแต่ต้น จนกระทั่งไกด์ไลน์เข้าสู่การปฏิวัติ Industrial Tech ด้วยการเปิดพันธมิตรความร่วมมือกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ซึ่งได้ลงนาม MOU ความร่วมมือไปแล้ว
คิวต่อไปเป็นความร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ที่กำลังจะมีพิธีลงนาม MOU เร็ว ๆ นี้ เพื่อให้ LIV-24 เป็นตัวช่วยในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพผู้ประกอบการ SMEs ทั่วไทย
ดังนั้น ในงานเปิดตัว LIV-24 จึงมีพันธมิตรมากหน้าหลายตาร่วมแสดงความยินดีและชื่นชมความสำเร็จ หนึ่งในคนสำคัญเป็นคำกล่าวของ “พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล” รักษาการ รมว.อุตสาหกรรม ที่ระบุว่า การเปิดตัว LIV-24 ได้เห็นเทคโนโลยีและความตั้งใจผู้ประกอบการเข้ามาช่วยในเรื่องการบริหารจัดการอากาศ น้ำ ของเสีย
ซึ่งเป็นความท้าทายของกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการทั้งหมด แม้มีกฎบังคับใช้มากแค่ไหน มีเครื่องมือมากแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีเครื่องมือ ไม่มีการมอนิเตอร์ที่ดี ผู้ประกอบการก็ไม่สามารถลดค่าใช้จ่าย และใช้ทรัพยากรที่มีให้เกิดคุณค่ามากที่สุดได้
ทั้งนี้ การจัดการคุณภาพน้ำ อากาศ และกากของเสีย ลำพังแค่กระทรวงอุตสาหกรรม กรมโรงงานอุตสาหกรรมเป็นผู้รับผิดชอบคงไม่ได้ นอกจากการออกแบบขั้นตอนการขออนุญาต การมีบทลงโทษแล้ว
สิ่งสำคัญที่สุดต้องขอความร่วมมือผู้ประกอบการทำตามกฎระเบียบที่กระทรวงอุตฯออกแบบไว้ และอยากเห็นความแข็งแรงของผู้ประกอบการที่ไม่ใช่แค่รายใหญ่ แต่เป็นผู้ประกอบการทั้งหมดในภาคอุตสาหกรรม ที่จะมาสร้างความแข็งแรงร่วมกัน
โดย LIV-24 จะมาช่วยสร้างความแข็งแรง ทำให้อุตสาหกรรมไทยเป็นภาคอุตสาหกรรมสีเขียว สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนเคียงคู่ชุมชนตลอดไป
กนอ.ดูแลทรัพย์สินรัฐ LIV-24 ดูแลผู้ประกอบการ
ถัดมา “รศ.ดร.วีริศ อัมระปาล” ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า มิสชั่นของ LIV-24 สอดคล้องกับภารกิจหลัก กนอ.ที่มุ่งเน้นยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่ระดับนานาชาติ และมุ่งสู่เป้าหมายสร้างความยั่งยืน สถิติเมื่อ 3 ปีก่อน กนอ.มี 57 นิคมอุตสาหกรรมในการดูแล มูลค่าลงทุน 12 ล้านล้านบาท จ้างงาน 6 แสนคน ล่าสุดในปี 2567 เพิ่มเป็น 70 นิคมอุตฯ มูลค่ารวม 70 ล้านล้านบาท การจ้างงานเพิ่มเป็น 1 ล้านคน
โดยหนึ่งในนโยบายหลักของ กนอ. ให้ความสำคัญกับการทรานส์ฟอร์มเทคโนโลยี มีโครงการ Technology Twin โดยพบว่า LIV-24 มีวัตถุประสค์ใกล้เคียงกัน และได้ทดลองบริหารจัดการทรัพย์สินที่มีมูลค่า 3 แสนล้านบาท ดังนั้นการมาจับมือร่วมกับ กนอ. จะทำให้ภาคอุตฯมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ในราคาที่เป็นมิตรกับพี่น้องผู้ประกอบการทุกคน เท่ากับเอื้อต่อการลงทุนของประเทศ ยกระดับวงการอุตฯไทยให้เทียบเท่านานาชาติอย่างยั่งยืน
“กนอ.ดูแลในส่วนทรัพย์สินราชการ หรือในนิคมอุตสาหกรรม ในขณะที่ LIV-24 จะเข้ามาดูแลทรัพย์สินของผู้ประกอบการในนิคมอุตฯ มาเติมเต็มจุดนี้พอดี เข้ามาเชื่อมต่อในภาพของเอกชน ต่อจิ๊กซอว์ภาพให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ในเรื่องความปลอดภัยที่ป้องกันได้”
ตอบโจทย์ลดต้นทุน-เพิ่มประสิทธิภาพ SMEs
ถัดมา “เกรียงไกร เธียรนุกูล” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่า สิ่งที่ ส.อ.ท.เป็นห่วงที่สุด คือ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศและภาคอุตสาหกรรม ปัจจุบัน ส.อ.ท.มีสมาชิก 16,000 บริษัท สัดส่วนมากกว่า 85% เป็นเอสเอ็มอี และกำลังโดนดิสรัปต์จากความท้าทายในโลกปัจจุบัน
ล่าสุดปัญหาที่เอสเอ็มอีไทยกำลังเผชิญ คือ สินค้าจีนราคาถูกดัมพ์ตลาดโลก ภูมิรัฐศาสตร์เลี้ยวกลับมาภูมิภาคเอเชีย ส่งผลให้เอสเอ็มอีไทยยิ่งแข่งขันบนเวทีโลกไม่ได้ เป็นประเด็นใหญ่ที่ต้องร่วมกันหาทางออกทั้งภาครัฐและเอกชนในการแก้เกมนี้
อย่างไรก็ตาม ได้ฟังโมเดลธุรกิจของ LIV-24 แล้วมีความดีใจ เพราะการช่วยเหลือสนับสนุนให้เอสเอ็มอีลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันบนทุกเวที เป็นส่วนหนึ่งของแผนงานสำคัญของ ส.อ.ท. ก่อนหน้านี้มีการพูดคุยใน ส.อ.ท.ว่า ภาคอุตสาหกรรมทุกคนรู้หมดว่าจะต้องแก้ไขแก้โจทย์อย่างไร แต่บริษัทขนาดเล็กเข้าถึงไม่ได้เพราะเสียเปรียบเรื่องต้นทุนแพง มีแต่บริษัทใหญ่ บริษัทข้ามชาติที่ทำได้ เพราะเข้าถึงแหล่งเงินทุนและมีความครบวงจร
แต่วันนี้ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีภาคอุตสาหกรรมของไทย มีตัวช่วยจาก LIV-24 ที่จะทำให้เราเข้าถึงการปรับตัวเพิ่มความสามารถในการแข่งขันได้
LIV-24 หนุนหลังไทยสู่อุตสาหกรรมสีเขียว
สุดท้าย “นางสาวนิรมล ดิเรกมหามงคล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท LIV-24 จำกัด กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของ LIV-24 ครั้งแรกในปี 2512 ภายใต้พลัส พร็อพเพอร์ตี้ นำเสนอเทคโนโลยีโซลูชั่น เชื่อมผ่านคอมมานด์เซ็นเตอร์ เราเติบโตต่อเนื่อง ล่าสุดจนถึงต้นปี 2567 ก้าวขึ้นอีกขั้นด้วยการสปินออฟตั้งบริษัทใหม่ LIV-24 มุ่งสู่การเป็นอินดัสเตรียลเทคโซลูชั่นรายแรกของไทย เพราะมองว่าอุตสาหกรรมเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจ มีการจ้างงานขนาดใหญ่ ขับเคลื่อนเทคโนโลยีประเทศไปด้วยกัน
ภารกิจและบทบาท LIV-24 ต้องการเป็นผู้ช่วยผลักดันเศรษฐกิจภาพรวมให้มีความก้าวหน้า และเติบโตแข็งแกร่ง ด้วย AI (ปัญญาประดิษฐ์) และ IOT (Internet of Things) ภายใต้ 3 พันธกิจ “ประสิทธิภาพ ความยั่งยืน รับผิดชอบ” ดังนี้
พันธกิจที่ 1 “ด้านประสิทธิภาพ-Efficiency” การยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน ด้วยการใช้ AI และ IOT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสามด้าน คือ 1.ลดต้นทุนด้านแรงงาน จากการลดคนได้ในระยะยาว 2.เพิ่มประสิทธิภาพบริหารพลังงาน โดยใช้เทคโนโลยีมาวิเคราะห์และบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุด 3.ด้านการดูแลเครื่องจักร มีการมอนิเตอร์เรียลไทม์ ป้องกันเหตุไม่คาดฝันจากการหยุดผลิต หรือไฟดับ
พันธกิจที่ 2 “ด้านความยั่งยืน-Sustainability” LIV-24 สามารถใช้ AI และ IOT บริหารจัดการมลพิษ น้ำเสีย อากาศเสีย สามารถป้องกันได้ก่อนเหตุเกิด เรามอนิเตอร์เรียลไทม์ ไม่ปล่อยให้มีการรั่วไหลสู่ชุมชน จนเกิดเรียกร้องให้ปิดโรงงาน หรือแม้กระทั่งเทรนด์สำคัญในเรื่องของ Net Zero เทคโนโลยีของ LIV-24 ช่วยให้ผู้ประกอบการทราบสัดส่วนการใช้พลังงานฟอสซิล กับพลังงานสะอาด ช่วยให้ทุกอุตสาหกรรมเดินหน้ามุ่งสู่เน็ตซีโร่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
พันธกิจที่ 3 “การเข้าถึงเทคโนโลยีที่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะการใช้ AI” LIV-24 สั่งสมประสบการณ์และนวัตกรรมที่หลากหลาย รองรับได้อย่างเหมาะสมกับบริษัททุกขนาดทั้งผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และผู้ประกอบการรายใหญ่ เราสร้างความเชื่อมั่นด้วยรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติด้านการออกแบบบริการ ปี 2016 ฯลฯ
หนึ่งในไฮไลต์ของ LIV-24 คือ ด้าน Data Security ทำงานมากกว่า 5 ปี ดูแลมากกว่า 130 โครงการ ทั้งที่อยู่อาศัย พาณิชย์ และอุตสาหกรรม มูลค่าทรัพย์สินมากกว่า 3 แสนล้านบาท จึงเชื่อมั่นว่า LIV-24 จะสามารถเป็นส่วนสนับสนุนสำคัญให้อุตสาหกรรมไทยแข็งแกร่ง ยกระดับแข่งขันได้ในนานาชาติ
6 โซลูชั่นรองรับโรงงานใหญ่-กลาง-เล็ก
คำถามคือ LIV-24 จะเข้ามาเป็นตัวช่วยอะไรได้บ้าง “นางสาวนิรมล” กล่าวอธิบายว่า LIV-24 มองเห็นโอกาสในปัญหาของการบริหารจัดการที่พึ่งพาคนอย่างเดียว ด้วยการนำ AI มาดีไซน์ บวกกับความเชี่ยวชาญของคน เพราะเทคโนโลยีอย่างเดียวไม่สามารถระงับเหตุหรือแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นจนจบได้ เมื่อรวมกันทำให้การแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทพิสูจน์จากโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมในเครือแสนสิริที่ดูแลให้ 130 โครงการ ผ่านมาแล้ว 500,000 เคส ไม่มีสักครั้งที่เหตุจะลุกลามไปถึง
สำหรับภาคอุตสาหกรรมที่ LIV-24 เริ่มทดลองจับตลาดตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว วันนี้มีประสบการณ์มากพอที่จะสร้างความมั่นใจให้ผู้ประกอบการและภาครัฐ ในการมอนิเตอร์ระบบต่าง ๆ และสอดคล้องกับพันธกิจมุ่งสู่กรีนอีโคโนมีของไทย
โดยการบริหารจัดการของ LIV-24 นำเสนอ 6 โซลูชั่นที่คัสตอมไมซ์ได้กับทุกขนาดธุรกิจ ประกอบด้วย 1.ระบบไฟไหม้ 2.CCTV Analytic การดีเทกต์ท่าทางพนักงาน การล้มลงในโรงงานซึ่งทำให้การผลิตหยุดชะงักได้ รวมทั้งป้องกันการบุกรุก ตรวจจับด้วยกล้อง 3.IOT Monitoring รับบทบาทพระเอก เพราะถ้าบันทึกละเอียด นำมาวิเคราะห์ละเอียด ช่วยในการมอนิเตอร์การทำงานเครื่องจักร ระบบปั๊มน้ำ ส่งค่ากลับมาให้เจ้าของกิจการสามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ได้
4.Feed Management ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งวัตถุดิบเข้า หรือกระจายสินค้าออก สามารถติดตามได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งมอนิเตอร์ประสิทธิภาพคนขับรถได้ด้วย 5.Energy Management สามารถวัดการใช้พลังงาน วัดสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาดต่อฟอสซิล และ 6.Waste Water Management โดยไม่จำเป็นต้องรอการตรวจวัดสัปดาห์ละครั้งหรือเดือนละครั้ง แต่ทำได้ตลอดเวลา รวมถึงระบบป้องกันน้ำเสีย ป้องกันได้เรียลไทม์เช่นกันก่อนปล่อยออกสู่ชุมชน
“LIV-24 เป็นบริษัทคนไทย 100% ที่มีประสบการณ์ใช้และดูแลด้วย AI มากกว่า 5 ปี อยากจะบอกว่าไม่ต้องกลัว AI เพราะ AI จะเป็นเครื่องมือที่ต้องโอบรับ ลดต้นทุน และสร้างมูลค่าเพิ่มให้ทุกธุรกิจ” นางสาวนิรมลกล่าว