แพลตฟอร์ม EOC โดย LPP เฝ้าระวังภัยเรียลไทม์ 260 โครงการ

LPP LPN

เมืองไทยเผชิญภัยธรรมชาติที่ไม่อาจคาดเดาได้ แต่การบริหารจัดการสามารถออกแบบได้

ล่าสุด LPP บริษัทลูกในเครือ LPN นำเสนอโมเดลบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน เสริมขีดความสามารถในการบริหารจัดการแบบเรียลไทม์ ภายใต้โปรเจ็กต์ EOC Platform

โดย “สุรวุฒิ สุขเจริญสิน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด หรือ LPP ผู้นำในธุรกิจบริหารจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวว่า LPP ให้ความสำคัญในการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาการบริหารจัดการให้ครอบคลุมความต้องการด้านการอยู่อาศัยในทุกมิติ รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้อยู่อาศัยและผู้ใช้งานอาคารสูงสุด

สุรวุฒิ สุขเจริญสิน LPP LPN
สุรวุฒิ สุขเจริญสิน

จากประสบการณ์ LPP ที่สั่งสมการวางแผนบริหารจัดการ เฝ้าระวัง และรับมือกับความเสี่ยงของสถานการณ์น้ำท่วมให้ 260 โครงการที่รับผิดชอบดูแล มีการนำเทคโนโลยี IOT (Internet of Things) และดิจิทัลแพลตฟอร์ม เป็นส่วนสำคัญในการช่วยบริหารสถานการณ์และรายงานผล เตือนภัย ป้องกัน เพื่อดูแลความปลอดภัยให้แก่ผู้อยู่อาศัยแบบเรียลไทม์

โดยโครงการที่ LPP ได้ทำการประเมินแล้วพบว่าอยู่ในความเสี่ยงน้ำท่วมตามเงื่อนไขที่กำหนด เช่น อยู่ใกล้แม่น้ำ หรือคลองสายหลัก, มีชั้นจอดรถใต้ดิน เป็นต้น จะต้องรายงานสถานการณ์และเตือนภัยทุกวันผ่านระบบ EOC Platform ที่จะรวบรวมและประมวลทุกข้อมูลสำคัญไว้ใน Dashboard หรือแผงควบคุมกลางรวมศูนย์ข้อมูล

อาทิ การรายงานเพื่ออัพเดตสถานการณ์ประจำวัน การประเมินทิศทางของมวลน้ำจากตอนบนที่อาจกระทบโครงการที่ LPP บริหาร ตลอดจนการติดตามการแจ้งน้ำท่วมฉับพลันแบบ FFPI (Flash Flood Potential Indicator)

ADVERTISMENT

ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลสำคัญทั้งภายในและภายนอก ในการประเมินสถานการณ์แบบรายวันไว้ใน Dashboard ที่ LPP ได้พัฒนาขึ้นเองด้วยทีมวิศวกรข้อมูล (Data Engineering) พร้อมผู้เชี่ยวชาญคอยเฝ้าระวัง สั่งการ และประสานงาน ภายใต้การดำเนินงานของ ศูนย์ปฏิบัติการเหตุฉุกเฉิน : Emergency Operations Center (EOC)

และฝ่ายวิศวกรรมส่วนกลาง Engineering Center ที่พร้อมลงพื้นที่แก้ไขสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง จึงมั่นใจได้ว่าทั้งผู้อยู่อาศัยและผู้ใช้อาคารจะได้รับความปลอดภัยภายใต้การดูแลจาก LPP อย่างสูงสุด

ADVERTISMENT

นอกจากนี้ ในการดูแลความปลอดภัยให้กับโครงการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงานและทรัพย์สินรูปแบบอื่น ๆ ที่ LPP บริหารจัดการ มีการผสานการใช้เทคโนโลยีเครือข่ายอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อสื่อสารกันผ่านสัญญาณอินเทอร์เน็ต หรือ IOT (Internet of Things) ติดตั้งในจุดวิกฤตที่น้ำจะเดินทางเข้ามา และ Digital Platform เข้ามาใช้และบริหารจัดการเพื่อส่งมอบความปลอดภัยของผู้ใช้งานอาคารของ LPP อย่างครอบคลุมแบบ 24/7

ทั้งระบบ “Monitor CCTV Analytics” ในการเฝ้าติดตามระยะไกลได้อย่างรอบด้านและทั่วถึง เพื่อตรวจจับสิ่งผิดปกติต่าง ๆ, ระบบ “Face Camera” ระบบกล้องจดจำใบหน้าที่คอยตรวจสอบสแกนบุคคลเข้า-ออกอาคาร เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติ ได้แก่ กรณีที่เกิดเหตุน้ำท่วม หรือมีบุคคลภายนอกเข้ามาในโครงการโดยไม่ได้รับอนุญาต

ระบบ “SOS Emergency Call & VDO” จะสื่อสารทั้งภาพและเสียง ไปยังเจ้าหน้าที่ศูนย์ EOC เพื่อเข้าให้ความช่วยเหลือแบบทันท่วงที โดยทำการเชื่อมต่อทุกข้อมูลถึงกันอย่างรวดเร็วและไร้ขีดจำกัดผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ที่ทำให้การตรวจสอบและติดตามสถานการณ์รอบด้านให้เป็นไปอย่างเรียลไทม์

ที่สำคัญ เป็นตัวช่วยในการประหยัดทรัพยากร และช่วยลดค่าใช้จ่ายส่วนกลางของโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกต่างหาก

“LPP จะยังคงมุ่งมั่นศึกษาพัฒนาเทคโนโลยีและบริการต่าง ๆ เพื่อให้สามารถส่งมอบบริการที่ดีที่สุดสมกับที่ได้รับความไว้วางใจ ให้คุณใช้ชีวิตสมูทได้ทุกวัน”