
สิ่งมีชีวิตที่มีโอกาสจะอยู่รอดมากที่สุด ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ฉลาดที่สุด หรือแข็งแกร่งที่สุด แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่รู้จักปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่ตัวเองอยู่มากที่สุด…แนวคิดทฤษฎีวิวัฒนาการสิ่งแวดล้อมของชาร์ล ดาร์วิน
ข้อคิดหยิบยกของ “ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) นำมาพูดเปิดประเด็นก่อนจะประกาศแผนธุรกิจไล่ล่าความสำเร็จในปี 2568 ด้วยเป้ายอดขาย 26,000 ล้านบาท เติบโต 4% เทียบกับปี 2567 เป้ารายได้รวม 25,000 ล้านบาท เติบโตถึง 11% แบ่งเป็นรายได้หลักจากบ้านแนวราบ 70% คอนโดฯ 22%
อีก 8% จะเห็นว่าบริษัทเริ่มมีธุรกิจหลากหลายมากขึ้น ทั้งโรงแรม แวร์เฮาส์ ออฟฟิศบิลดิ้ง อพาร์ตเมนต์ในอเมริกา ณ ปีนี้ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ 8% ซึ่งในอนาคตรายได้กลุ่มนี้จะทวีสัดส่วนมากขึ้นเป็นลำดับ รวมทั้งธุรกิจหลักคือที่อยู่อาศัย วางแผนเปิดตัวใหม่ 15 โครงการ มูลค่ารวม 28,000 ล้านบาท
เผชิญ “ภูเขาอุปสรรค” 3+1
“ปี 2567 และต้นปี 2568 เป็นช่วงที่ยากลำบากของภาคธุรกิจอสังหาฯอย่างแท้จริง โดยที่ SC เรามีวัฒนธรรมการปรับตัวอย่างสม่ำเสมอ เราถึงเติบโตมาได้หลายทศวรรษที่ผ่านมา ปี 2567 ตอนไตรมาส 1/67 หลายบริษัทตั้งเป้าหมายเปิดโครงการใหม่อย่างมาก แต่สิ่งแวดล้อมไม่เป็นอย่างที่คิด มี 3 ภูเขาอุปสรรคที่ท้าทาย ไม่ว่าหนี้ครัวเรือนสูง ซัพพลายล้น และความเชื่อมั่นตกต่ำ ขายยาก ซื้อยาก โอนยาก เราเห็นสถานการณ์ไม่เป็นตามที่คิดตั้งแต่ตอนนั้น เราก็ปรับตัวอย่างรวดเร็ว เช่น ใช้กลยุทธ์ Go to Customer Marketing ลูกค้าอยู่ไหน เราตามไปที่นั่น…”
ทิศทางความท้าทายที่ต้องเผชิญในปี 2568 ภูเขาอุปสรรคหรือวิกฤตเศรษฐกิจ 3 ปัญหาหยั่งรากลึกยังคงเป็นโจทย์หลักของการทำธุรกิจอย่างต่อเนื่อง แถมยังมีเพิ่มเติมภูเขาทะมึนอีก 1 ลูกใหญ่ คือ ภาวะภูมิรัฐศาสตร์เศรษฐกิจโลก ที่ดำเนินไปอย่างเข้มข้นและผันผวนนับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา เข้ารับตำแหน่งเป็นทางการเมื่อ 20 มกราคมที่ผ่านมา
นำมาสู่การเซตธีมธุรกิจ 2568 นำเสนอ Rethink To Reform มีการจัดระเบียบในหลายเรื่องด้วยกัน อธิบายผ่านแนวคิด Reform เป็น 3 ด้าน ดังนี้
“#RetihinkToReform 1- ปรับพอร์ตโฟลิโอธุรกิจ“ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม เพื่อกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ โดยอธิบายผ่านการจัดกรุ๊ปปิ้งเป็น 3 Engine ได้แก่ Engine 1 คือการลงทุนอสังหาฯ ที่อยู่อาศัยเพื่อขาย ทั้งโครงการบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียม, Engine 2 การลงทุนอสังหาฯ สร้างรายได้ประจำหรือรายได้รีเคอริ่ง ทั้งโครงการโรงแรม คลังสินค้า อาคารสำนักงาน และอพาร์ตเมนต์ในสหรัฐอเมริกา และ Engine 3 การลงทุนแสวงโอกาสใหม่ในธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต หรือธุรกกิจที่เป็นฟิวเจอร์เทรนด์
เป้าหมายของแผนรีฟอร์มในการปรับพอร์ตโฟลิโอธุรกิจ เพื่อเพิ่มความสมดุลของพอร์ตโฟลิโอ มีกำไรจากธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น การลงทุนจะเป็นไปอย่างรอบคอบร่วมทุนกับพันธมิตรแข็งแกร่ง และสัดส่วนหนี้ต่อทุนจะลดลงอย่างมีนัยในปีนี้
สำหรับ “#RetihinkToReform 2-ปรับโครงสร้างต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้เหมาะสม“ เน้นย้ำคุณภาพสูง นวัตกรรมตอบโจทย์ลูกค้า และ เพิ่มความสามารถในการทำกำไร ยกตัวอย่าง Engine 2 พอร์ตรายได้ประจำที่มีอัตรากำไร 20% เป้าหมายต้องการพิ่มเป็น 25% เป็นต้น
และ “#RetihinkToReform 3-ปรับโครงสร้างองค์กร” เพื่อเพิ่มความคล่องตัว รองรับการเติบโตของธุรกิจที่หลากหลาย และเพิ่มโอกาสเติบโตของพนักงาน

สะสม 115 โครงการเกินแสนล้าน
สแกนรายละเอียด Rethink To Reform แบบฉบับ SC Asset ต้องย้อนกลับมาดู โครงสร้างธุรกิจลงทุนผ่านเครื่องยนต์เพื่อขับเคลื่อนรายได้ หรือ Engine ที่ผ่านมามีพอร์ตพัฒนาโครงการสะสม 115 โครงการ เป็นพอร์ตของ Engine 1-ที่อยู่อาศัย 96 โครงการ มูลค่ารวม 94,500 ล้านบาท (รวมแผนลงทุนใหม่ 15 โครงการ 28,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านแนวราบ 12 โครงการใหม่ รวม 18,000 ล้านบาท กับคอนโดฯ 3 โครงการใหม่ มูลค่า 10,000 ล้านบาท)
เรื่องใหม่ของ Engine ที่ 1 ทาง SC เตรียมอวดโฉมบ้านซูเปอร์ลักเซอรี่ ราคาเริ่มต้น 200 ล้านบาท ไซซ์ 1,300 ตารางเมตรขึ้นไป บนที่ดินเริ่ม 200 ตารางวา ทั้งโครงการมีจำนวนจำกัดเพียง 5 หลัง ที่ดินรวมทั้งโครงการเกือบ 5 ไร่ ไฮไลต์อยู่ที่ย่านวิภาวดี ติดกับคอนโดฯ เดอะเครสต์ รัชวิภา นำเสนอผ่านแบรนด์ใหม่ “Sonle Residences” ที่มาของแบรนด์เป็นคำผสมภาษาอังกฤษ+ฝรั่งเศส แปลว่า พระอาทิตย์
ทั้งนี้ Sonle Residences ด้วยจำนวนเพียง 5 ยูนิต แถมตั้งอยู่บนทำเลแรร์ไอเท็มอีกต่างหาก เข้าใจว่าเผลอ ๆ อาจมีคนจับจองเต็มทุกหลังแล้วอีกต่างหาก
ถัดมา Engine ที่ 2 จากสถิติพอร์ตสะสมรวม 115 โครงการนั้น แบ่งเป็นสัดส่วนลงทุนของพอร์ตรีเคอริ่ง 19 โครงการ ใน 4 ธุรกิจ ได้แก่ โรงแรมรวม 545 ห้อง, คลังสินค้าให้เช่ารวม 200,000 ตารางเมตร, ออฟฟิศบิลดิ้งหรือสำนักงานให้เช่า 120,000 ตารางเมตร และอพาร์ตเมนต์เพื่อเช่าในอเมริกา 5 อาคาร
โดยมีไฮไลต์ คือ โรงแรมใหม่ 2 ทำเล เปิดตัวไตรมาส 2/68 แบรนด์ KROMO, Curio Collection by Hilton ทำเลติดถนนสุขุมวิท ตรงข้ามห้างเอ็มสเฟียร์, โครงการไฮไลต์แบรนด์ The Standard หนึ่งเดียวในพัทยา ติดหาดนาจอมเทียน และคลังสินค้าเพื่อเช่า 3 โครงการใหม่ในทำเล บางนา กม.20, แหลมฉบัง และนิคมอมตะ ชลบุรี
รีแบรนดิ้งย้ำภาพลักษณ์ดูแลสิ่งแวดล้อม
เรื่องใหม่ปีนี้ เติมจิ๊กซอว์ธุรกิจ Engine 3 ลงทุนในธุรกิจที่เป็น Future Trend ตามไทม์ไลน์ที่วางไว้จะเริ่มลงทุนจริงในปี 2569 แต่การตั้งต้นจะเริ่มทำตั้งแต่ปีนี้ สิ่งที่บอกใบ้ได้มีเพียงเป็นธุรกิจใหม่ที่รองรับฐานลูกค้าเดิมของ SC ซึ่งเป็นไปได้ทั้งธุรกิจเทค และอื่น ๆ
โดย Engine 2+3 (ลงทุนรายได้ประจำกับธุรกิจ Future Trend) วางเป้าหมายต้องทำกำไรขั้นต้น 25% ขึ้นไป จากปัจจุบันอยู่ที่ 20%
“ก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่มากมาย สำหรับ SC ทุกอย่างยังไดนามิกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือการดูแลสิ่งแวดล้อมเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงตรงนี้ เปลี่ยนเฉย ๆ ไม่พอ ต้องเปลี่ยนแล้วตะโกนออกไปให้ดัง ให้คนได้ยินด้วย นำมาสู่เรื่องใหม่อีกเรื่องของปีนี้ SC จะมีการรีแบรนดิ้งแบบ 360 องศาครั้งแรกในรอบ 18 ปี ทั้งโลโก้และภาพลักษณ์ใหม่”
ปฏิบัติการรีแบรนดิ้งครั้งใหญ่จะนำเสนอสู่พับลิกในช่วงกลางปี 2568 เป็นต้นไป เพื่อสร้างภาพจำ SC เป็นองค์กรสร้างคุณค่าสู่คนและโลก สร้างสมดุลของกำไร ผู้คน และสิ่งแวดล้อม ที่ต้องเติบโตไปด้วยกัน