
A5 แย้มทิศทาง Q1/68 สดใส เปิดโครงการใหม่ แซงค์ รอยัล ดิ เอททีน บางนา กม.7 มีกระแสตอบรับดี กลุ่มลูกค้าระดับอัลตราลักเซอรี่ให้ความสนใจอย่างมาก พร้อมเผยผลประกอบการงวดปี 2567 กวาดรายได้ 1,806.10 ล้านบาท โต 18.96% กำไร 453.28 ล้านบาท เตรียมเคาะจ่ายปันผลหุ้นละ 0.10 บาท
นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ A5 ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบ-แนวสูงระดับลักเซอรี่ เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวดปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 1,806.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,495.70 ล้านบาท จำนวน 310.40 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18.96% ผลจากยอดโอนกรรมสิทธิ์โครงการ CINQ ROYAL Krungthep Kreetha (แซงค์ รอยัล กรุงเทพกรีฑา) ที่ปัจจุบันเหลือเพียง 2 ยูนิต มีกำไรสุทธิรวม 453.28 ล้านบาท
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น รวมเป็นปันผลจ่ายทั้งสิ้นไม่เกิน 117,800,004.50 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 ที่ 20.50% ของกำไรสุทธิหลังหักสำรองตามกฎหมาย
สำหรับไตรมาส 1/2568 ยังคงเป็นไปในทิศทางบวก เนื่องจากความต้องการที่อยู่อาศัยในกลุ่มบ้านหรูระดับอัลตราลักเซอรี่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง นักลงทุนต่างชาติที่ให้ความสนใจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไทยมากขึ้น บริษัทจึงได้เปิดพรีเซล และเปิดเข้าชมโครงการ CINQ ROYAL The Eighteen Bangna KM.7 (แซงค์ รอยัล ดิ เอททีนบางนา กม.7) ราคาเริ่มต้น 75-200 ล้านบาท อย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 22-23 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ได้รับกระแสตอบรับที่ดี
การเปิดโครงการครั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการซื้อของกลุ่มลูกค้าในย่านบางนา หนึ่งในทำเลศักยภาพที่พร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ ห้างสรรพสินค้า โรงเรียนนานาชาติชั้นนำ และสนามกอล์ฟ ซึ่งบริษัทเชื่อว่าโครงการนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งให้กับบริษัทได้เป็นอย่างดี
ด้านกลยุทธ์การตลาด บริษัทมีแผนมองหาพันธมิตรใหม่ ๆ ในการสร้างความร่วมมือกับ Luxury Brand ในกลุ่มตลาดระดับเดียวกัน เพื่อมอบสิทธิพิเศษด้านส่วนลด และประสบการณ์ที่เหนือระดับเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้มองบ้านหรูเป็นเพียงแค่ที่อยู่อาศัย แต่เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ และตอบโจทย์ด้านการลงทุนจากทำเลที่ตั้งโครงการที่มีศักยภาพสูง รวมถึงตอบโจทย์ลูกค้าที่มองหาความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร
“ปี 2568 บริษัทมีแผนขยายพอร์ตธุรกิจผ่านการลงทุนในกลุ่มธุรกิจใหม่ เพื่อเพิ่มโอกาสเติบโตทางธุรกิจ ที่ไม่ได้มุ่งหวังรายได้จากอสังหาริมทรัพย์เพียงอย่างเดียว รวมถึงมีแผนบริหารความเสี่ยงทางการเงินอย่างรอบคอบที่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของบริษัทต่อไปในระยะยาว
รวมถึงมุ่งเน้นการเติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืนด้วยการดำเนินงานภายใต้นโยบาย ESG โดยมีแผนมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 ผ่านโครงการต่าง ๆ ที่มีแผนจะดำเนินการเปิดตัวตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป อาทิ ระบบหมุนเวียนอากาศภายในบ้าน, Solar Rooftop และระบบรองรับการติดตั้ง EV Charger” นายศุภโชคกล่าว