CPN ผลงานนิวไฮ ปี’67 รายได้ 51,843 ล้าน แจกปันผลสูงสุดหุ้นละ 2.1 บาท

CPN
แฟ้มภาพประกอบข่าว

CPN-เซ็นทรัลพัฒนา ผู้นำเบอร์หนึ่งอสังหาริมทรัพย์ไทยเพื่อ ความยั่งยืน ทั้งศูนย์การค้าเซ็นทรัล โครงการที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และโรงแรมทั่วประเทศ ประกาศผลประกอบการปี 2567 สูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับทุกกลุ่มธุรกิจ

นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2567 ทุบสถิติ All-Time High มีรายได้พุ่ง 51,843 ล้านบาท กำไรสุทธิ 16,729 ล้านบาท และปันผลสูงสุดที่หุ้นละ 2.1 บาท เพิ่มขึ้นเกือบ 20% จากปีก่อนหน้า

โดยทุกกลุ่มธุรกิจเติบโตสะท้อนความสำเร็จของโมเดล Retail-Led Mixed-Use ธุรกิจ Retail ศูนย์การค้าเซ็นทรัลยืนหนึ่ง Top Retail Destination ที่แบรนด์ผู้เช่ามาเปิดและมียอดขายดีที่สุด โดยเป็น House of Global Brands มีแบรนด์ระดับโลกเลือกมาขยายสาขามากที่สุด พร้อมดึงดูดจำนวนทราฟฟิกเพิ่มมหาศาล และโครงการใหม่ประสบความสำเร็จดีเยี่ยม

วัลยา จิราธิวัฒน์

รวมทั้งธุรกิจ Non-retail เติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ไปพร้อมกับรายได้รีเทลที่พุ่งทะยานสูงสุด นำโดย โรงแรมฮิลตัน พัทยา สร้าง New High ทั้งรายได้รวม, รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักทั้งหมด และราคาห้องพัก ส่วนธุรกิจออฟฟิศมี Occupancy Rate แข็งแกร่ง 90% ณ สิ้นปี ขณะที่รายได้ธุรกิจที่อยู่อาศัยเติบโตนิวไฮท่ามกลางความท้าทายของตลาด

“ผลประกอบการปี 2567 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในทุกมิติ ทั้งรายได้ กำไรสุทธิ ผลตอบแทนผู้ถือหุ้น จ่ายปันผล และนิวไฮในทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า Retail-Led Mixed-Use Development คือกลยุทธ์ที่ถูกต้องในการสร้างความยั่งยืน และความสำเร็จให้กับธุรกิจ Retail และ Non-retail เติบโตเคียงข้างกันอย่างแข็งแกร่ง“

”โดยมีศูนย์การค้าเป็นหัวใจสำคัญในการเชื่อมโยงกับธุรกิจหลักอื่นๆ ได้แก่ ที่อยู่อาศัย, โรงแรม และอาคารสำนักงาน ทั้งหมดผนึกกำลังกันเป็น ‘The Ecosystem for All’ ระบบที่แข็งแกร่งและยั่งยืน สร้างประโยชน์และความเติบโตให้กับทุกภาคส่วนทั้งลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น พนักงาน สังคมและชุมชนไปด้วยกัน”

ADVERTISMENT

นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ Chief Finance, Accounting and Risk Management Officer บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวเพิ่มเติมว่า CPN ได้รายงานงบการเงินปี 2567 ด้วยตัวเลขที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีรายได้รวมที่ 51,843 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 16,729 ล้านบาท เติบโต 11% จากปีก่อนหน้า พร้อมสร้างผลตอบแทนผู้ถือหุ้นสูงถึง 15% รวมทั้งประกาศจ่ายปันผลสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2.1 บาทต่อหุ้น

โดยบริษัทฯ มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง พร้อมเดินหน้าลงทุนสร้างการเติบโตและผลตอบแทนระดับสูงแก่ผู้ถือหุ้นต่อไป สะท้อนวิสัยทัศน์ระยะยาวของบริษัทในการดำเนินธุรกิจด้วยความยั่งยืน ลงทุนต่อเนื่อง มีความมั่นคงทางการเงิน ด้วยวินัยทางการเงินที่ดี และกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่ดีที่ให้ผลตอบแทนแก่ทุก Stakeholders” (ตัวเลขรออนุมัติจากผู้ถือหุ้น)

ADVERTISMENT
นภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์

Retail-Led Mixed-Use Development แผนธุรกิจที่มาถูกทาง

รายละเอียดมีดังนี้ “ธุรกิจ Retail” ร้านค้ายอดขายเติบโต จำนวนทราฟฟิกศูนย์การค้าและนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมหาศาล: ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการเป็น Top Retail Destination เป็นศูนย์รวมแบรนด์ระดับโลกที่ครอบคลุมที่สุด บริษัทฯ สร้างความเชื่อมั่นให้แบรนด์ผู้เช่ามั่นใจ และเลือกที่จะขยายธุรกิจไปกับศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ ทำให้ธุรกิจของแบรนด์ผู้เช่าเติบโตและมียอดขายดีที่สุดในระดับ Top Rank

ความมุ่งมั่นในการเป็นแลนด์มาร์ค Festive Destination สร้างแคมเปญที่ประสบความสำเร็จทุกสาขาทั่วประเทศ ตลอดทั้งปี ดึงดูดผู้คนให้มาใช้บริการที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศกว่า 500 ล้านครั้งต่อปี พร้อมดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนกว่า 67 ล้านครั้งต่อปี โดยนักท่องเที่ยวกว่าครึ่งที่เข้ามาในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นชาวจีน, รัสเซีย, ซาอุดีอาระเบีย, มาเลเซีย และหลากหลายชาติทั่วโลก ต้องมาที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล

ส่งผลให้ Tourist Malls ทั่วประเทศมียอดทราฟฟิกเติบโต Double Digits และประกาศความสำเร็จในการเปิด 2 มิกซ์ยูสยิ่งใหญ่ ทั้ง เซ็นทรัล นครสวรรค์ และเซ็นทรัล นครปฐม โดยได้รับเสียงตอบรับล้นหลาม

ผลงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในธุรกิจที่อยู่อาศัย, ออฟฟิศ, โรงแรม: ธุรกิจ Non-retail เติบโตอย่างต่อเนื่อง สร้างผลงานดีที่สุดควบคู่ไปกับรายได้ธุรกิจ Retail ที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์

“ธุรกิจ Residence” บ้านและคอนโดมิเนียม โตทะยานสวนตลาดอสังหาฯ: คอนโดมิเนียมติดศูนย์การค้าเซ็นทรัลได้รับความนิยมสูง ทั้งเอสเซ็นท์ นครสวรรค์ และ เอสเซ็นท์ นครปฐม ขายหมดอย่างรวดเร็ว นับเป็นการเติบโตท่ามกลางความท้าทาย สวนทางภาพรวมตลาดวงการอสังหาฯ

“ธุรกิจ Office” แข็งแกร่งสวนตลาด Occupancy Rate 90% (ณ สิ้นปี 2567): ออฟฟิศติดศูนย์การค้า ตอบโจทย์การใช้ชีวิตครบวงจรที่ดีที่สุด ทั้ง 10 แห่งรอบกรุงเทพฯ และ centralwOrld Offices ใจกลางเมืองได้รับความนิยมสูง

“ธุรกิจ Hotel” สร้างรายได้ New Record เสริมแกร่งโครงการมิกซ์ยูส: นำโดย Hilton Pattaya ทำอัตราค่าห้องพัก รายได้เฉลี่ยต่อห้อง และรายได้สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์, โรงแรมเซ็นทารา โคราช, อยุธยา, อุดร, อุบล ล้วนมี Performance ดีเยี่ยม รวมถึงการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ล่าสุด Hilton Garden Inn Rayong บนทำเลศักยภาพติดกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล ระยอง ไลฟ์สไตล์ เดสติเนชั่นที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยมหภาคเชิงบวกที่ช่วยส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจ จาก 4 ปัจจัย คือ 1.การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะด้านการลงทุนในโครงการต่าง ๆ 2.การเติบโตอย่างต่อเนื่องของภาคเอกชนทั้งการบริโภคและการลงทุน 3.การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง และ 4.การส่งออกที่คาดว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่องในปี 2568 และการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคที่คาดว่าจะสามารถเติบโต 3.3% จากปี 2567

“เซ็นทรัลพัฒนา เชื่อมั่นแนวโน้มเศรษฐกิจในทิศทางบวก เดินหน้าลงทุนตามแผนธุรกิจที่วางไว้อย่างต่อเนื่อง มุ่งขยายโครงการในพื้นที่ต่างๆ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาและผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย”

สำหรับปี 2568 บริษัทพร้อมเดินหน้าด้วยกลยุทธ์การบริหารและฐานะการเงินแข็งแกร่ง สร้างความเติบโต ลงทุนระยะยาวตามแผนสร้างการเติบโตในอนาคต โดยเตรียมเปิดตัวโครงการมิกซ์ยูสระดับโลก “Central Park” ทั้งในส่วนศูนย์การค้าและอาคารสำนักงาน และโครงการ “เซ็นทรัล กระบี่” เพื่อเป็นแลนด์มาร์คใหม่ที่ตอบโจทย์ครบทุกมิติ และยกระดับศักยภาพเมืองท่องเที่ยวระดับโลก

ณ สิ้นไตรมาส 4/67 เซ็นทรัลพัฒนา มีศูนย์การค้าภายใต้การบริหารงานทั้งหมด 42 โครงการ (ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 40 แห่ง – ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 16 โครงการ ต่างจังหวัด 23 โครงการ และในมาเลเซีย 1 โครงการ; ศูนย์การค้าเอสพลานาด 1 แห่ง; และศูนย์การค้าเมกาบางนา อีก 1 แห่ง)

คอมมูนิตี้ มอลล์ 15 โครงการ มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 2.3 ล้านตารางเมตร นอกจากนี้ ยังบริหารศูนย์อาหาร 37 แห่ง; อาคารสำนักงาน 10 อาคาร; โรงแรม 10 แห่ง; โครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูงรวม 43 โครงการ

นอกจากนี้ เซ็นทรัลพัฒนาตอกย้ำผู้นำองค์กรยั่งยืนระดับโลก ดำเนินตามเป้าหมายสู่องค์กร Net Zero 2050 โดยติดอันดับ Dow Jones Best in Class Indices ในกลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์จากจำนวนบริษัททั้งหมด 244 บริษัททั่วโลก และเป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีโลก DJSI World ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 และใน DJSI Emerging Market ต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้ริเริ่มนวัตกรรมด้าน Finance & Sustainability โดยเป็นอสังหาริมทรัพย์ไทยรายแรกที่ริเริ่มออก ‘Green Bond’ และ ‘Sustainability-Linked Loan’ พร้อมคว้ามาตรฐานหุ้นยั่งยืน SET ESG Rating ระดับ ‘AAA’