‘ออริจิ้น’ อสังหาฯแมวเก้าชีวิต ชูธุรกิจหลากหลายเสริมแกร่ง Resilience Growth

ออริจิ้น

2568 ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ก้าวสู่ปีที่ 16 ของการก่อตั้งองค์กร และเข้าปีที่ 10 ของการเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

ปัจจุบัน มี 3 บริษัทมหาชนในกลุ่มออริจิ้นฯ ได้แก่ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้,บมจ.บริทาเนีย และ บมจ.พรีโม่ เซอร์วิส หมุดหมายต่อไปกระกาศชัดเจนว่า หมายเลข 4 หวยออกที่ธุรกิจแวร์เฮาส์ ภายใต้บริษัท แอลฟ่าฯ ภายในปี 2570

“2568 เป็นปีหนึ่งที่พวกเราทุกคนทราบดีว่า คือปีที่ท้าทาย เศรษฐกิจบ้านเราไม่ดี การเปลี่ยนแปลงของโลกในภาวะคาดเดาไม่ได้ ผลกระทบจากนโยบายเกรทอเมริกาของโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้เหตุการณ์เปลี่ยนแปลง เราต้องตั้งรับ มีความยืดหยุ่น ดังนั้น ธีมปีนี้ Resilience Leads To Sustainable Growth คุมธีมลงทุน 7 คีย์ซักเซส สร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน” คำประกาศแผนธุรกิจปี 2568 ของ “พีระพงศ์ จรูญเอก” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)

วินัยลงทุน 5 ธุรกิจ-ไม่วอกแวก

สำหรับธีมหลักปีนี้ “Resilience Leads to Sustainability Growth” นำเสนอผ่าน 7 คีย์แฟกเตอร์ที่มุ่งเน้นและจะทำให้สำเร็จ ดังนี้

คีย์แฟกเตอร์ที่ 1 “Focus on Mainstream Revenue” ด้วยการจัดโครงสร้างธุรกิจให้ชัดเจนขึ้นในลักษณะโฮลดิ้งคัมปะนี โดยถือหุ้นใน 5 กลุ่มธุรกิจหลักในบริษัทย่อย บริษัทร่วมค้า ทั้งบริษัทในและนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แก่ 1.กลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียม ภายใต้บริษัทออริจิ้น เวอร์ติเคิล 2.กลุ่มธุรกิจบ้านจัดสรร ภายใต้ บมจ.บริทาเนีย หรือ BRI 3. กลุ่มธุรกิจบริการ ภายใต้พรีโม่ เซอร์วิส โซลูชั่น หรือ PRI 4.กลุ่มธุรกิจ Hospitality and Tourism & Service ภายใต้ออริจิ้น โฮเทล และ 5.กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์แอนด์แวร์เฮาส์ ภายใต้ แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น

ล่าสุดมีพอร์ตพัฒนาสะสม 198 โครงการ เตรียมแผนการเติบโตในอนาคต ในปีนี้ตั้งเป้าเปิดตัวใหม่ 11 โครงการ มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท รวมถึงมี Backlog (ยอดขายรอโอน) มากกว่า 44,562 ล้านบาท สนับสนุนการรับรู้รายได้ต่อเนื่อง 4 ปีหน้า

ADVERTISMENT

“เราสนใจ ใส่ใจ และเจาะลึกในคอร์บิสสิเนสทั้ง 5 ธุรกิจหลัก เราสโคปดาวน์นิวบิซสิเนสนอกเหนือจาก 5 ธุรกิจนี้ เราสนใจน้อยลง”ออริจิ้น

เชื่อมไร้รอยต่อ B to B-B to C

คีย์แฟกเตอร์ที่ 2 “Creating a Unique Value Proposition” เราจะสร้างความแตกต่างเพื่อประสบการณ์ของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น B to B (ธุรกิจกับธุรกิจ) B to C (ธุรกิจกับลูกค้าย่อย) ก็ตาม เราต้องมีการที่จะดึงดูด จุดเด่น จุดขาย เช่น เพ็ทเฟรนด์ลี่คอนโด ทำมา 20 กว่าโครงการแล้ว, โฮเทลเซอร์วิสคอนโด ทำ 30 กว่าโครงการแล้ว รวมถึงเรื่องใหม่ ๆ ทำคอนโดฯ รองรับซีเนียร์หรือเวลเนสเรสซิเดนซ์ โดยมีบริษัทที่มุ่งมั่นสร้างเวลเนสร่วมกับบริษัทออริจิ้น เฮลท์แคร์

ADVERTISMENT

“…ต่อไปนี้ทุกคอนโดฯ ใหม่ของเราพยายามที่จะทำเรื่องโฮมเมดิซีน เทเลเมดิซีน ครีเอทีฟเมดิซีน วันนี้เราไม่ได้ดูแลแค่พร็อพเพอร์ตี้แล้ว แต่เราดูแลคน ดูแลสัตว์เลี้ยง ดูแลลิฟวิ่งโซลูชั่น เราพร้อมจะทำตรงนี้อย่างต่อเนื่อง”

คีย์แฟกเตอร์ที่ 3 “Market Expansion” การขยายตลาด พยายามขยายน่านน้ำการทำธุรกิจ โดยเฉพาะบ้าน คอนโดมิเนียม ลูกค้ามีความหลากหลายจาก 20-30 ประเทศ เราสามารถแปลงลูกค้าที่มาพักโรงแรม จากลูกค้าเช่าให้เป็นลูกค้าซื้อที่อยู่อาศัยในเครือ

“ลูกค้าต่างชาติยังเป็นเป้าหมายหลัก เป็นกำลังสำคัญในยุควิกฤตกำลังซื้อคนไทยที่ไม่ได้ดีขึ้นหรือแย่ลง ปัญหายังทรงตัวอยู่ โอกาสที่เราจะให้ลูกค้าต่างชาติมาซื้อ มาดู มาเยี่ยมชมสินค้าของเราคงเยอะขึ้น จะขยายไปเชิงลึกมากขึ้น”

ดิจิทัล-กรีนคอร์ปอเรชั่นต้องมี

คีย์แฟกเตอร์ที่ 4 “Digital Transformation” ยุค AI วันนี้เราใช้สร้างประโยชน์ให้กับลูกค้าใหม่ ๆ อะไรบ้าง จากเรื่องดาต้าอะไลติกที่ใช้ทุกวันอยู่แล้ว ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงโอนบ้าน หลังจากเข้าอยู่แล้วมีพฤติกรรมอย่างไร ออริจิ้นฯ จะดูแลลูกค้ากลุ่มนั้นอย่างไร จะคอนเวิร์สลูกค้าที่เริ่มจากคอนโดฯ ให้ไปเป็นลูกค้าบ้านเดี่ยวบ้านแฝดมากขึ้นได้อย่างไร รวมทั้งกระบวนการภายในจะทำเซอร์วิสทันสมัย ทันกับการเปลี่ยนแปลงของยุค

คีย์แฟกเตอร์ที่ 5 “Financial Structure Management” ในท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลก และวิกฤตต่าง ๆ รอบด้าน สิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อมก็คือสุขภาพ จุดโฟกัสควบคุมเรื่องหนี้-debt ratio ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ การทำ strong balance sheet เป้าหมายหนี้สินต่อทุน ปี 2567 อยู่ที่ 1.58 เท่า เป้าปี 2568 ลดเหลือ 1.4 เท่า และปี 2569 เป้าลดเหลือ 1.2 เท่า จากนั้นเป้าหมายระยะกลาง 3 ปีนับจากนี้ (ภายใน 2570) จะลดให้เหลือ 1 เท่า

คีย์แฟกเตอร์ที่ 6 “Customer Financial Support” เรื่องการดูแลลูกค้าให้เข้าถึงสินเชื่อ ให้กู้ผ่านมากขึ้น ร่วมกับพันธมิตรทุกธนาคาร เช่น ร่วมกับ ธอส.ทำโรงเรียนการเงิน มีการผ่อนดาวน์สม่ำเสมอ สร้างวินัยการผ่อนวินัยการเงิน มีการรวมหนี้ อาทิ หนี้บัตรเครดิต หนี้ผ่อนรถ สามารถเอามารวมกับหนี้บ้านแล้วผ่อนกันยาว ๆ ทำให้หนี้สินเหล่านั้นไปกองรวมกันในสินทรัพย์ใหญ่อย่างบ้านและคอนโดฯ ที่เป็นสินทรัพย์มีมูลค่าเพิ่มได้ “…สิ่งเหล่านี้จะทำให้แก้เกมได้ ลูกค้าเรามีความสุขมากขึ้น ผ่อนบ้าน ผ่อนดาวน์ไปแล้วอัตราหนี้เสียก็ลดลง เราทำงานกับทุกธนาคารเพื่อเซอร์วิสกับลูกค้าให้ได้”

คีย์แฟกเตอร์ที่ 7 “ESG & Green Revolution” เรื่องวัสดุก่อสร้าง กระบวนการที่เราทำในไซต์ก่อสร้าง ในการส่งมอบให้กับลูกค้า บทพิสูจน์จากการลงมือทำ วันนี้ออริจิ้นฯ ได้รับการตัดเกรด ESG ระดับ AAA เป็นหนึ่งใน 60 บริษัทที่ได้รางวัลนี้ และจะมุ่งมั่นทำตรงนี้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งคะแนนความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจได้ระดับ 5 ดาวต่อเนื่อง 5 ปีแล้ว

กรุยทางแผนผงาด 3 ปีหน้า

เป้าหมายธุรกิจ 3 ปีหน้า (2568-2569-2570) ผลงานเชิงตัวเลขวางแผนมีรายได้เติบโตจาก 12,000 ล้านบาท ในปี 2567 จะเพิ่มเป็น 15,500 ล้านบาท ภายในปี 2570

ยอดโอนสมาร์ทขึ้น จากเป้า 14,000 ล้านบาท ในปี 2568 เพิ่มเป็น 28,000 ล้านบาท ในปี 2570 โดยมียอดขายรอโอนหรือแบ็กล็อกหนุนหลัง 45,000 ล้านบาท “…เรามียอดส่งมอบส่วนหนึ่งที่ไม่ได้รับรู้รายได้บนท็อปไลน์ ก็คือรายได้จากโครงการร่วมทุน มีผลทำให้กำไรของเราดีขึ้นแน่นอน”

บรรทัดสุดท้ายกับการสรุปแผนธุรกิจปี 2568 วางเป้าเปิดตัวใหม่ 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 7,500 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 12,500 ล้านบาท “เป้าลอนช์โครงการใหม่อยู่ในระดับที่เหมาะสม เรามองตลาดปี 2568 คล้าย ๆ กับปี 2567 และประเมินเศรษฐกิจฟื้นจริงคงจะเป็นช่วงกลางปี 2569”

ธุรกิจใหม่อย่างโรงแรม เป็นธุรกิจมูลค่าเพิ่มในกลุ่มออริจิ้นฯ โดยหุ้น ORI มีธุรกิจโรงแรมวางเป้าอีบิทด้า (กำไร+ค่าดอกเบี้ย+ค่าเสื่อม) จาก 250 ล้านบาท ในปี 2568 เพิ่มเป็น 450 ล้านบาท ในปี 2569 ถ้าคิดตามมูลค่า NPV ธุรกิจโรงแรมจะอยู่ที่ 7,000 ล้านบาท

ธุรกิจแวร์เฮาส์ บริษัทแอลฟ่าฯ ยังมีฮิดเด้นแวลูอีก 5,000 ล้านบาท ตามแผนอัลฟ่าจะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปี 2570 และบริษัทยังคงมุ่งมั่นเป็นกรีนคอร์ปอเรชั่นต่อไปอย่างทุ่มเท เป็นองค์กรสีเขียว ที่จะสร้างองค์กรอย่างยั่งยืน ดูแลสังคม ดูแล stakeholder ดูแลธรรมาภิบาลให้ดีต่อไป

วางเป้ายอดขาย 30,000 ล้านบาท ซึ่งประกาศว่า คอนเซอร์เวทีฟไว้ก่อนจากปกติทำได้ปีละ 35,000 ล้านบาท

สำหรับเป้ายอดขายปีนี้ “…เรายังถ่อมตัว ยังฮัมเบิลอยู่ เดี๋ยวดูกันในช่วงกลางปี 2568 นี้เป็นต้นไป” คำกล่าวของ CEO พีระพงศ์ จรูญเอก