‘แสนสิริโมเดล’ แข็งแรง ปลอดภัย โตคู่พาร์ตเนอร์มาตรฐานสูงตลอดซัพพลายเชน

ความปลอดภัยของลูกบ้าน คือสิ่งที่เราไม่สามารถประนีประนอมได้

คำกล่าวของ “อุทัย อุทัยแสงสุข” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ท่ามกลางสถานการณ์แผ่นดินไหว แสนสิริมีความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่า “ทุกโครงการของแสนสิริ” มีความแข็งแรงและปลอดภัยสูงสุด

ซึ่งน้อยคนที่จะรู้ว่าเมื่อปี 2560 แสนสิริสนับสนุนการจัดทำ “แนวทางปฏิบัติการออกแบบโครงสร้างในอาคารสูง” ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และหน่วยงานเอกชนชั้นนำ 8 แห่ง

เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานให้แก่วิศวกรที่ได้รับการว่าจ้างจากแสนสิริ ในการออกแบบวิศวกรรมโครงสร้างและการตรวจสอบการคำนวณงานออกแบบให้มีแนวทางในการปฏิบัติงานเป็นที่ยอมรับร่วมกัน

เนื้อหาส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ผลของแรงแผ่นดินไหว แรงลม และการออกแบบฐานรากสำหรับอาคารสูงสอดคล้องตามมาตรฐานที่มีอยู่ในประเทศไทย และนำมาตรฐานในต่างประเทศมาอ้างอิงเพิ่มเติม ด้านกระบวนการก่อสร้างแสนสิริมีทีม Quality Control ทำงานร่วมกับภาคเอกชนที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรม ร่วมกันเช็กข้อมูลในแต่ละขั้นตอน เพื่อยืนยันว่าการออกแบบและก่อสร้างมีความแข็งแรงและปลอดภัย

สอดคล้องตามข้อบังคับอาคารตามกฎกระทรวงปี 2550 ว่าด้วยการกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน และความคงทนของอาคาร, มาตรฐานการออกแบบอาคารต้านทานการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ที่ถูกกำหนดโดยสภาวิศวกร และมาตรฐานกรมโยธาธิการและผังเมือง 1301/1302 ซึ่งเป็นมาตรฐานการออกแบบโครงสร้างอาคารสูงของประเทศไทย

“ทีมวิศวกรแสนสิริ และพาร์ตเนอร์ผู้เชี่ยวชาญ จะเร่งตรวจสอบคุณภาพจนครบทุกโครงการคอนโดมิเนียมที่เราพัฒนา เพื่อความอุ่นใจและสบายใจสูงสุด”

ปลอดภัย+มีระบบตรวจสอบ

น่าสนใจว่าแสนสิริโมเดลมีพันธมิตรธุรกิจตลอดซัพพลายเชนที่เดินร่วมทางไปด้วยกันอย่างคับคั่ง เริ่มจาก “ดร.วีระศักดิ์ วานิชวัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฑีฆาก่อสร้าง จำกัด (มหาชน) ธุรกิจรับเหมาอาคารประสบการณ์ 41 ปี กล่าวถึงหัวใจการทำงานคือการคำนึงถึงความปลอดภัย แข็งแรง มีระบบตรวจสอบ

“มาตรฐานการก่อสร้างในหลักการ ต้องอยู่ที่การออกแบบงานที่ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม รวมทั้งใช้วัสดุที่มีคุณภาพแข็งแรงปลอดภัยตามหลักวิชาการ ระบบการทำงานต้องมีคุณภาพและความปลอดภัยทุกขั้นตอนในการทำงาน โดยต้องตรวจสอบการทำงานทั้งหมด และต้องสร้างจิตสำนึกความปลอดภัยให้กับวิศวกร แรงงานก่อสร้าง ให้ตระหนักถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นทุกเวลา”

ถัดมา “จารุวัตร จีระมานะพงศ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีระธนา ก่อสร้าง จำกัด ระบุว่า แนวทางการทำงาน บริษัทจะทำทุกอย่างบนกระดาษ วิเคราะห์ก่อนทำงานจริง เวลาผิดพลาดจะผิดพลาดบนกระดาษสามารถแก้ไขได้ ไม่รอไปเจอปัญหาหน้างานแล้วค่อยแก้ เพราะความเสียหายจะสูงกว่ามาก มีการจัดลำดับการทำงานให้ถูกต้อง มีการอบรมพนักงานถึงข้อกำหนดคุณภาพงานให้ตรงกันทุก 6 เดือน

“บริษัทอสังหาฯ ขนาดใหญ่ ไม่เอาเรื่องความปลอดภัยไปแลกกับชื่อเสียงอยู่แล้ว หรือคนคุมงานก็ไม่เอาวิชาชีพไปแลกเพราะได้ไม่คุ้มเสีย กว่าที่แต่ละบริษัทจะได้รับใบอนุญาตมาแต่ละใบ ต้องผ่านการตรวจสอบหนัก ขณะที่วิศวกรไทยเก่งระดับโลก ผมเชื่อมั่นว่าภาพรวมการก่อสร้างของไทยมีมาตรฐานเพียงพอ”

Plan Do Check Action

“วรินทร์ ศรีมหาโชตะ” กรรมการบริหาร บริษัท คอนสตรัคชั่นไลนส์ จำกัด ถอดประสบการณ์ 35 ปี ยึดหลักการ “Plan Do Check Action” ซึ่งบริษัทไม่ได้ก่อสร้างตามแบบก่อสร้างอย่างเดียว แต่เราจะดูว่าแบบที่ส่งมาให้ก่อสร้างนี้ถูกต้องหรือไม่ ถ้าแบบไม่ถูกต้อง ก็จะบอกไปทางเจ้าของโครงการถึงความกังวลของเรา ภายใต้หลักการทำงาน Plan Do Check Action จะเป็นการปิดความเสี่ยง เพราะเมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้ว เราไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้

จุดเน้นย้ำคือ การมีวินัยในกระบวนการทำงาน คือสิ่งที่สำคัญที่สุดของอุตสาหกรรมก่อสร้าง และต้องมีบุคคลที่สามตรวจสอบ

ด้าน “กฤษฎา แท้ประสาทสิทธิ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟรา กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีความเชี่ยวชาญงานอาคารสูง เกี่ยวกับแรงลมแผ่นดินไหว มีผลงานออกแบบ และการตรวจสอบอาคารที่มีปัญหา กล่าวแบบกระชับถ้อยคำว่า การออกแบบที่ดี ต้องการผู้รับเหมาผู้ควบคุมงานที่ดี รวมทั้งเจ้าของโครงการที่เข้าใจสนับสนุน เพราะจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เรื่องที่เกิดขึ้นนี้จะพิสูจน์ผลงานของทั้งผู้ประกอบการ ผู้ออกแบบ และผู้รับเหมาร่วมกัน

“เราต้องเคารพในวิชาชีพ มีความรับผิดชอบและตั้งใจทำ ผลงานที่ดีจะสะท้อนเพอร์ฟอร์แมนซ์ของอาคาร”

วัสดุเกรดสูง-ได้รับรอง มอก.

อีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญ “จรรยา สว่างจิตร” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พี.โอเวอร์ซีส์ สตีล จำกัด (มหาชน) เจ้าแม่ขายส่งวัสดุก่อสร้าง กล่าวถึงมาตรฐานการทำงานที่เหนือกว่าข้อกำหนดทั่วไปในอุตสาหกรรมว่า พี.โอเวอร์ซีส์ สตีล คัดเลือกสินค้าโดยเน้นผู้ผลิตจากโรงงานไทยที่มีชื่อเสียงยาวนาน และได้รับการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมเป็นหลัก มีกระบวนการตรวจสอบคุณภาพวัสดุ โดยเฉพาะเหล็กโครงสร้าง จะมีการตรวจสอบคุณภาพสินค้าก่อนส่งมอบที่หน้างาน

“สินค้าเหล็กเส้นที่บริษัทจำหน่ายให้กับแสนสิริ จะถูกผลิตด้วยกระบวนการ EF (Electronic Arc Furnace) หลอมเศษเหล็กด้วยวิธีการอาร์กด้วยไฟฟ้า ซึ่งเหล็กเส้นจะสะอาดกว่า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า วิธี IF (Induction Furnace) ซึ่งเป็นเตาระบบเก่า ไม่สามารถควบคุมคุณภาพเหล็กได้อย่างสม่ำเสมอ และยังเป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม”

โดยทางแสนสิริจะทดสอบเหล็กตัวอย่างจากสถาบันกลางเป็นรายไตรมาส ตาม TOR โดยมาตรฐานเหล็กในโครงการของแสนสิริ จะเป็นเหล็ก EF ที่ควบคุมคุณภาพการผลิตได้อย่างสม่ำเสมอ

เซ็นเซอร์แผ่นดินไหวในลิฟต์

และ “เพ็ญไพสิฐ จันทร์พรม” กรรมการผู้จัดการ บริษัท โคเน่ จำกัด (มหาชน) ผู้จำหน่ายลิฟต์แบรนด์ดัง ระบุหัวใจสำคัญในการทำงานมีมาตรฐานที่เหนือกว่าข้อกำหนดทั่วไป คือ “ความรวดเร็วและความปลอดภัย” ในการบริหารสถานการณ์วิกฤต จึงได้กำหนดแผนงานเร่งด่วน 3Rs “Recover-Repair-Rebuild” โดยได้ส่งทีมช่างและวิศวกรลงพื้นที่ทันที เพื่อให้ลิฟต์กลับมาใช้งานได้เร็วที่สุด โดยยึดมั่นในมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด

การเผชิญเหตุหน้างานในโครงการแสนสิริ ได้นำแผนงาน 3Rs มาใช้ปฏิบัติงานจริงจัง เริ่มจาก “Recover” ฟื้นฟูลิฟต์อย่างน้อยหนึ่งตัวในอาคารให้สามารถใช้งานได้ภายใน 48 ชั่วโมงแรก, “Repair” ตรวจสอบเชิงลึก เปลี่ยนอุปกรณ์ และซ่อมแซมอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าลิฟต์โดยสารทุกตัวปลอดภัยสำหรับการใช้งานอย่างต่อเนื่อง และ “Rebuild” อัพเกรดและปรับปรุงลิฟต์โดยสาร เพื่อลดความเสียหายระยะยาวในอนาคต และเพิ่มความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรองรับฟังก์ชั่นการตรวจจับความปลอดภัยจากแผ่นดินไหว และการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน

ทั้งหมดนี้ คือ การการันตีมาตรฐานการก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ของแสนสิริ ทั้งโครงการที่สร้างแล้วเสร็จ, อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และโครงการในอนาคต มีความปลอดภัยสูงสุดจากพาร์ตเนอร์ตลอดซัพพลายเชน