ย้อนตำนาน 60 ปี บ้านชวนชื่น หลัง “ปิดฉาก” ธุรกิจบ้านจัดสรร

มั่นคงเคหะการ (MK) ประกาศตั้งเป้า 3 ปี ระบายสต๊อกบ้าน 800 หลังสุดท้าย มูลค่า 2,900 ล้าน ก่อนยุติบทบาทธุรกิจที่อยู่อาศัย

คำประกาศปิดฉากนี้ออกจากปาก “วรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน)

มั่นคงเคหะการจะปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งสำคัญอีกครั้ง ด้วยการเพิ่มบทบาทธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม ผ่านบริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ PD ลงทุนใหม่ 6,500 ล้านบาท ก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมบางปะกง พื้นที่ 1,000 ไร่ ตั้งเป้าพัฒนาสาธารณูปโภคส่วนกลาง และเริ่มส่งมอบพื้นที่ได้ในปี 2570

ขณะเดียวกัน MK ลดบทบาทธุรกิจที่อยู่อาศัย ซึ่งมีแบรนด์ดังคือ หมู่บ้านชวนชื่น พัฒนามาแล้ว 60 ปี เนื่องจากถ่วงน้ำหนักแล้วพบว่าการทำธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมจะสามารถสร้างการเติบโตให้กับองค์กรได้ดีกว่า

ธุรกิจที่อยู่อาศัยของ MK ปัจจุบันเหลือที่ดินเปล่ามูลค่า 400 ล้านบาท ซึ่งไม่มีแผนพัฒนาโครงการ และพร้อมจะเปิดเจรจาซื้อขายถ้าหากมีดีลที่น่าสนใจ

ควบคู่กับโครงการที่อยู่อาศัย มีโครงการในมือที่รอพัฒนาจำนวน 800 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,900 ล้านบาท คาดว่าใช้เวลาพัฒนาจนจบโครงการทั้งหมดภายใน 2-3 ปีหน้า จากนั้นจะยุติบทบาทการพัฒนาที่อยู่อาศัย และหันมาโฟกัสธุรกิจอสังหาฯ เพื่ออุตสาหกรรมเป็นรายได้หลัก รวมทั้งบริหารจัดการด้านการเงินให้มีความแข็งแกร่ง เพื่อสร้างการเติบโตระยะยาวและเติบโตอย่างยั่งยืน

ADVERTISMENT

ทั้งนี้ MK รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568 มีรายได้รวม 394.99 ล้านบาท ลดลง 3.84% ขณะที่มีขาดทุนสุทธิ 126.66 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักมาจากรายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยที่ลดลง ขณะที่บริษัทสามารถบริหารต้นทุนได้ดีขึ้น และไม่มีผลขาดทุนขั้นต้นจากธุรกิจ Wellness ที่ได้จำหน่ายออกไปแล้ว ที่สำคัญธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม มีรายได้เพิ่มขึ้น 57.82% กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 67.64 ล้านบาท เป็น 109.17 ล้านบาท

ตำนาน 60 ปี บ้านชวนชื่น

มองย้อนกลับไปในอดีต บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) เริ่มต้นที่ปี 1956 จดทะเบียนมีชื่อว่า “ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล มั่นคงสถาปัตย์” วัตถุประสงค์เพื่อรับเหมาก่อสร้างอาคารประเภทต่าง ๆ 5 ปีต่อมาได้เริ่มประกอบธุรกิจอาคาร และที่ดินควบคู่กับงานรับเหมาก่อสร้าง หลังจากนั้นในปี 1968 ได้จัดตั้ง “ห้างหุ้นส่วนจำกัด ช.มั่นคงเทรดดิ้ง” ขึ้นมาอีกหน่วยงานหนึ่ง เพื่อดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าปลีก และค้าวัสดุก่อสร้าง และได้รวมกันเป็น “บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด” ในปี 1973 ด้วยทุนจดทะเบียน 8 ล้านบาท

ต่อมามั่นคงเคหะการเริ่มสร้างหมู่บ้านจัดสรร “ชุมชนชวนชื่น” ที่ประชาชื่นเป็นแห่งแรกในปี 1997 หลังจากนั้นได้รับการพิจารณาให้เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 1990 และแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนในปี 1993

ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 1997 บริษัทมั่นคงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากการบริหารแบบค่อยเป็นค่อยไป ผู้ถือหุ้นเดิมยังสามารถรักษาสัดส่วนการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ไม่มีการขายหุ้นเพื่อดึงพันธมิตรเข้ามา หลังจากนั้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวอีกครั้งเมื่อปี 2001 บริษัทมั่นคงก็เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์กลุ่มแรก ๆ ที่เปิดตัว และรุกเข้าสู่ตลาดอีกครั้ง

ภายใต้แบรนด์ “ชวนชื่น” ทำให้บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ “มั่นคง” ผู้พัฒนาโครงการทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด คอนโดมิเนียม และทาวน์โฮม ในทุกทำเลทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑล เป็นหนึ่งในผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยชั้นนำของประเทศตลอด 60 ปีที่ผ่านมา

ชู PD ขึ้นท็อป 3 อสังหาฯอุตสาหกรรม

ทางด้าน น.ส.รัชนี มหัตเดชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ผู้พัฒนาและบริหารโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน เปิดเผยว่า การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมบางปะกง นับเป็นก้าวสำคัญของ PD ในการต่อยอดศักยภาพของบริษัท โดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซี ที่กำลังเป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลก

ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าว ภายใต้ความร่วมมือกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย 7 กลุ่ม เช่น อุตสาหกรรมเกษตรและแปรรูปอาหาร, อุตสาหกรรมยานยนต์, อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมเบา รวมถึงอุตสาหกรรมดิจิทัลอย่างดาต้า เซ็นเตอร์, เทคโนโลยีคลาวด์

สำหรับนิคมอุตสาหกรรมบางปะกง เนื้อที่รวม 965 ไร่ ตั้งอยู่ที่ ต.คลองตำหรุ อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี จะถูกพัฒนาในลักษณะนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และคาดว่าจะเปิดดำเนินการประมาณปี 2570 โดยตั้งเป้ายอดขายที่ดินในนิคมปีแรกไว้ที่ประมาณ 680 ไร่ สำหรับราคาขายต่อไร่ 12-13 ล้านบาท

น.ส.รัชนีกล่าวด้วยว่า ในส่วนที่หลายฝ่ายกังวลผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐ ซึ่งจนถึงปัจจุบันบริษัทยังไม่เห็นสัญญาณใด ๆ ที่ผู้ประกอบการที่เช่าพื้นที่จะย้ายออก โดยมีแต่ผู้ประกอบการที่ชะลอดู และอีกกลุ่มคือขยายเพิ่ม เพราะเป็นโอกาสที่จะส่งออกไปยังต่างประเทศมีมากขึ้น

“จะเห็นว่าในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา จีนส่งออกได้น้อยลง แต่อานิสงส์ตกที่อาเซียนส่งออกได้เพิ่มมากขี้น”

น.ส.รัชนีกล่าวและว่า อยากให้ภาครัฐมองตรงจุดนี้ โดยเร่งการเจรจากับคู่ค้าว่าจะทำอย่างไร เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน เพื่อให้นักลงทุนวางแผนในอนาคตได้ถูกต้อง อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ เนื่องจากบริษัททำโครงการฟรีเทรดโซน ดังนั้นในเอกสารสำคัญหลายอย่าง เช่น Certificate of Origin เอกสารยืนยันถิ่นกำเนิด ซึ่งปัจจุบันยังเป็นประเด็นอยู่ ทำให้ผู้ประกอบการมีความมั่นใจว่ามีหน่วยงานที่เข้ามารับผิดชอบตรงนี้โดยตรง

บ้านชวนชื่น

ด้านผลประกอบการปี 2567 ของ PD มีรายได้รวมอยู่ที่ 898 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากการเช่าและบริการ 485 ล้านบาท สัดส่วนรายได้จากการเช่าเติบโตถึง 21% จากปีก่อนหน้า จึงเร่งพัฒนาโครงการคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าในไปป์ไลน์ ได้แก่ โครงการ BFTZ 4 บางปะกง, โครงการ BFTZ 6 ถ.บางนา-ตราด กม.19 ให้แล้วเสร็จ วางเป้าปี 2568 รักษาอัตราการเช่า เฉลี่ยทุกโครงการให้สูงกว่า 90% และเซ็นสัญญาผู้เช่าใหม่อีกกว่า 200,000 ตร.ม.

ขณะเดียวกันล่าสุด บริษัทเตรียมเพิ่มทุนมูลค่าไม่เกิน 3,350 ล้านบาท ในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล หรือ PROSPECT REIT เพื่อเข้าลงทุนเพิ่มเติมในโครงการ BFTZ 1 ถ.บางนา-ตราด กม.23, โครงการ BFTZ 2 ถ.เทพารักษ์, โครงการ BFTZ 3 ถ.บางนา-ตราด กม.19 เข้ากอง PROSPECT REIT พื้นที่ให้เช่ารวม 221,678 ตร.ม. โดยกำหนดการจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนระหว่างวันที่ 19-23 พ.ค. 2568

ข้อมูล : มั่นคง