วันนี้บีทีเอสวิ่งฉลุยหลังคลื่นสื่อสารภายนอกลดความเข้มข้น พร้อมชดเชยหากเกิดเหตุขัดข้อง

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)หรือบีทีเอสซี เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดเหตุขัดข้องในการเดินรถไฟฟ้าตั้งแต่วันจันทร์ที่ 25-27 มิถุนายน 2561 ส่งผลกระทบต่อการเดินทางของผู้โดยสาร ซึ่งตั้งแต่เกิดเหตุขัดข้องดังกล่าว บริษัทฯมิได้นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

โดยได้พยายามดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ ซึ่งสาเหตุของปัญหาการขัดข้องนั้น คาดว่ามาจากการกวนกันของสัญญาณคลื่นวิทยุสื่อสารจากภายนอก ตามที่ได้ชี้แจงให้ทราบก่อนหน้านี้

และเมื่อวันพุธที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีการประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ณ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. โดยมีตัวแทนจากผู้เกี่ยวข้องทั้ง 4 ฝ่าย คือ กสทช. บีทีเอส บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ ทีโอที และ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ ดีแทค

โดยได้ข้อสรุปว่า สาเหตุของปัญหาอาณัติสัญญาณขัดข้องในระบบเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส น่าจะเกิดจากการรบกวนสัญญาณสื่อสารของสัญญาณโทรคมนาคมภายนอกต่อสัญญาณวิทยุ ซึ่งใช้ในระบบอาณัติสัญญาณ ย่านความถี่ 2400 เมกะเฮิร์ตซ์ ส่งผลให้ระบบอาณัติสัญญาณขัดข้อง

จึงส่งผลให้การเดินรถล่าช้ากว่าปกติ และทำให้มีผู้โดยสารสะสมมากในสถานีต่างๆ โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน ส่งผลกระทบต่อระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสทั้งสองสาย ที่ประชุมโดย กสทช.ได้ขอให้ทางทีโอที ปรับลดความเข้มสัญญาณของเสาส่งตลอดเส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอสลง เพื่อลดการรบกวนของคลื่นวิทยุและแนะนำให้บีทีเอส ย้ายคลื่นความถี่ที่ใช้จาก 2400 เมกะเฮิร์ซ์ ไปอยู่ในช่วงใกล้ 2500 เมกะเฮิร์ตซ์ที่สามารถทำได้ รวมทั้งติดตั้งอุปกรณ์กรองสัญญาณเพิ่มเติม

นายสุรพงษ์กล่าวว่า ในส่วนของบีทีเอส จะเร่งดำเนินการอย่างเร็วที่สุด โดยจะติดตั้งและปรับความถี่วิทยุแล้วเสร็จในคืนวันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พร้อมให้บริการในวันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน 2561 พร้อมทั้งจะส่งมอบอุปกรณ์รับสัญญาณให้ทางทีโอทีช่วยตรวจสอบ เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต สำหรับในช่วงเช้าของวันที่ 28 หลังจากได้มีการปรับลดกำลังส่งของเสาสัญญาณของทีโอทีลง ปรากฎว่าการเดินรถสามารถเดินได้ตามปกติ

ทั้งนี้บริษัทมีการชดเชยค่าโดยสารบีทีเอส ในช่วงที่เกิดเหตุขัดข้องระหว่างวันที่ 28-29 มิถุนายน ซึ่งอยู่ในช่วงดำเนินการแก้ไข ยังมีโอกาสที่ระบบจะเกิดความขัดข้อง ในกรณีดังกล่าว ผู้โดยสารสามารถออกจากระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสได้ ดังนี้ บัตรประเภทแรบบิทการ์ด ทั้งแบบเติมเงินและเติมเที่ยว จะไม่มีการตัดเที่ยวหรือค่าเดินทางใด ๆ และบัตรประเภทใช้ครั้งเดียว จะสามารถออกจากระบบและเก็บบัตรโดยสารไว้ใช้งานได้ใหม่ ภายใน 14 วัน ตามมูลค่าเดิม