15 ส.ค.นี้ นำร่องปฏิรูปรถเมล์ 8 เส้นทาง ดึงเอกชนเดินรถ 2 เส้นทางใหม่

นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่าหลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 27 ก.ย.2559 ยกเลิกมติที่ให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เป็นผู้เดินรถรายเดียว โดยปรับให้ ขสมก.มีสถานะเป็นผู้ประกอบการเดินรถรายหนึ่ง

ส่วนรถร่วม ขสมก.เดิมจะต้องขอใบอนุญาตประกอบการเดินรถกับกรมการขนส่งทางบกโดยตรง เพื่อเพิ่มทางเลือกและการเข้าถึงการให้บริการ ลดการทับซ้อนเส้นทาง เชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนประเภทอื่นๆ ตลอดจนรองรับการพัฒนาเมือง ชุมชนที่เกิดขึ้นใหม่

ทางกรมได้ประกาศให้เอกชนยื่นข้อเสนอในการเดินรถ 2 เส้นทางใหม่ ได้แก่ สายที่ R26E สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ – โรงพยาบาลรามาธิบดี (ทางด่วน) และสายที่ Y70E มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ศาลายา-สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต (ทางด่วน) ระหว่างวันที่ 7 ส.ค.-8 ก.ย.60

โดยจะคัดเลือกผู้ประกอบการเดินรถด้วยรูปแบบการแข่งขันเชิงคุณภาพ กำหนดหลักเกณฑ์มาตรฐาน สภาพรถ รูปแบบการให้บริการ การบริหารจัดการที่เป็นระบบที่จะนำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้เป็นเครื่องมือทางการบริหาร เช่น การติดตั้งระบบ GPS Tracking เพื่อติดตามการเดินรถ การรองรับ E-Ticket ตั๋วต่อตั๋วร่วม

“ที่เลือกเปิดประมูล 2 สายนี้ก่อนเนื่องจากว่าเป็นเส้นที่ประชาชนใช้บริการจำนวนมาก แต่ไม่มีรถให้บริการ โดยกรมจะคัดเลือกไม่เกิน 90 วัน และให้อายุสัมปทานเดินรถ 7 ปี” นายสนิทกล่าวและว่า

กรมได้กำหนดระยะเวลาดำเนินการตามแผนปฏิรูปฯ ภายใน 2 ปี ซึ่งเป็นช่วงของการเปลี่ยนผ่าน เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในระหว่างการดำเนินการตามแผนปฏิรูปฯ ลดผลกระทบต่อผู้เกี่ยวข้องน้อยที่สุด ควบคู่กับการประชาสัมพันธ์ สร้างความรับรู้ ความเข้าใจการปฎิรูป

จึงได้กำหนดหมายเลขเส้นทางเป็นลักษณะเขตพื้นที่แบ่งเป็น 4 โซน และกำหนดทั้งสัญลักษณ์เชิงสี หมายเลขเส้นทางที่ไม่เกิน 2 หลัก และตัวอักษร ที่จะทำให้เข้าใจง่ายมากขึ้น โดยใช้หลักการเชิงพื้นที่เดิมที่มีจำนวน 8 เขตการเดินรถ

แบ่งเป็นโซนดังนี้ เขตการเดินรถที่ 1, 2 กำหนดเป็นโซนพื้นที่สีเขียว (Green : G)

เขตการเดินรถที่ 3, 4 กำหนดเป็นโซนพื้นที่สีแดง (Red : R)

เขตการเดินรถที่ 5, 6 กำหนดเป็นโซนพื้นที่สีเหลือง (Yellow : Y)

และเขตการเดินรถที่ 7, 8 กำหนดเป็นโซนพื้นที่สีน้ำเงิน (Blue : B)

และเพื่อป้องกันความสับสนสำหรับเส้นทางที่มีต้นทางปลายทางเดียวกันแต่บางช่วงของเส้นทางมีการใช้ทางด่วน จึงได้กำหนดตัวอักษรเพื่อความเข้าใจคือ Expressway : E

เบื้องต้นกรมได้กำหนดเส้นทางทดลองเดินรถจำนวน 8 เส้นทาง ระหว่างวันที่ 15 ส.ค.-15 ก.ย.60 โดยแบ่งรถจากเส้นทางเดิม เส้นทางละ 5 คัน เพื่อทดลองเดินรถให้บริการควบคู่กับการให้บริการในเส้นทางเดิม

ได้แก่ สายที่ G21 รังสิต – ท่าเรือพระราม 5 (เทียบเคียงสาย 114 อ.ต.ก. 3 – แยกลำลูกกา)

สายที่ G59E มีนบุรี – ท่าเรือสี่พระยา (ทางด่วน) (เทียบเคียงสาย 514 มีนบุรี – ถ.รัชดาภิเษก – สีลม)

สายที่ R3 สวนหลวง ร.9 – สถานีรถไฟฟ้าสนามกีฬาแห่งชาติ (เทียบเคียงสาย 11 อู่เมกา บางนา – มาบุญครอง)

สายที่ R41 ถนนตก – แฮปปี้แลนด์ (เทียบเคียงสาย 22 อู่โพธิ์แก้ว – สาธุประดิษฐ์)

สายที่ Y59 สถานีรถไฟชุมทางตลิ่งชัน – กระทุ่มแบน (เทียบเคียงสาย 189 สนามหลวง – กระทุ่มแบน)

สายที่ Y61 หมู่บ้านเศรษฐกิจ – สถานีขนส่งจตุจักร (เทียบเคียงสาย 509 สถานีขนส่งจตุจักร – บางแค)

สายที่ B44 วงกลมพระราม 9 – สุทธิสาร (เทียบเคียงสาย 54 วงกลมรอบเมืองห้วยขวาง)

สายที่ B45 หมู่บ้านเอื้ออาทรบึงกุ่ม – ท่าเรือสะพานพุทธ (เทียบเคียงสาย 73 อู่โพธิ์แก้ว – สะพานพุทธ) ตั้งแต่เวลา 06.30 น. – 18.30 น. จัดเก็บอัตราค่าโดยสารเป็นอัตราเดียวกับที่ ขสมก. จัดเก็บ

และเพื่อให้ประชาชนผู้โดยสารง่ายแก่การจดจำ บริเวณด้านหน้ารถและด้านข้างรถจะมีแถบสีแสดงพื้นที่ให้บริการและเส้นทาง รวมถึงแสดงชื่อเส้นทางใหม่ ควบคู่กับเลขสายและชื่อเส้นทางเดิม พร้อมจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ติดตั้งบริเวณป้ายรถเมล์ บนรถ และผ่านสื่อทุกช่องทาง