โกลด์บุก 3.4 หมื่นล้าน ปี”62 ปักหมุดบ้านแฝด”นีโอโฮม”

นายแสนผิน สุขี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทประสบความสำเร็จด้านยอดขายและยอดโอนเป็นอย่างมาก โดยคาดว่าถึงสิ้นปี 2561 จะมียอดขายรวม 31,000 ล้านบาท เติบโต 31% จากปี 2560 ที่มียอดขาย 23,652 ล้านบาทในปี 2562 ตั้งเป้าเปิดตัวใหม่ 28 โครงการ มูลค่ารวม 33,000 ล้านบาท เทียบกับปี 2561 เปิดตัวใหม่ 18 โครงการ มูลค่ารวม 20,700 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการทาวน์โฮม 13 โครงการ บ้านแฝดแบรนด์ “นีโอโฮม” 4 โครงการ บ้านเดี่ยว 6 โครงการ และบุกต่างจังหวัด 5 โครงการ โดยบริษัทตั้งงบฯซื้อที่ดินเพิ่ม 30 แปลง วงเงิน 12,160 ล้านบาท

ทั้งนี้ ตั้งเป้ายอดขาย 34,000 ล้านบาท เฉลี่ยไตรมาสละ 8,000 กว่าล้านบาท ส่วนเป้ารับรู้รายได้ตั้งไว้ 19,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยไตรมาสละ 4,000 กว่าล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 30% เทียบกับปี 2560 ที่รับรู้รายได้ 14,600 ล้านบาท กรรมการผู้จัดการใหญ่โกลเด้นแลนด์กล่าวถึงผลกระทบจากมาตรการแบงก์ชาติสกัดฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ ด้วยการเตรียมบังคับเงินดาวน์ 20% ในการซื้อที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 เป็นต้นไป โดยประเมินผลกระทบระยะสั้นในช่วงไตรมาส 4/61 กลายเป็นปัจจัยบวกเพราะมียอดขายได้เพิ่มขึ้น 10%

ขณะเดียวกัน ผลกระทบระยะยาวก็ยังเป็นภาพบวก เนื่องจากสินค้าแนวราบลูกค้าเป็นกลุ่มเรียลดีมานด์ ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ปัจจุบันบริษัทเรียกเก็บเงินดาวน์ 10% สำหรับบ้านหลังแรกในราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท และดาวน์ 20% สำหรับบ้านราคาเกิน 10 ล้านบาท ในขณะที่พอร์ตรายได้สินค้าราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท มี 70% แต่ซื้อเป็นบ้านหลังแรกซึ่งยังใช้เกณฑ์เงินดาวน์ 5% เท่าเดิม

“ใครประหยัดที่สุดชนะในเศรษฐกิจแบบนี้ ทุกอย่างแพงหมด รายได้ไม่พอรายจ่าย ค่าทางด่วน โทลล์เวย์ ในขณะที่การซื้อบ้านเป็นการออม เป็นการลงทุนระยะยาว และเห็นด้วยกับการนำมาตรการใหม่มาบังคับใช้เพื่อสร้างวินัยการออมให้กับผู้บริโภค มาตรการนี้จึงกลายเป็นปัจจัยบวกเพราะช่วยสกรีนลูกค้าที่มีกำลังซื้อจริง ๆ และลูกค้ามีการวางแผนการเงินได้ดี”

ในภาพรวมมองว่า โมเดลธุรกิจที่จะนำมาใช้กันมากขึ้น คือ ปรับสมดุลของพอร์ตบ้านสร้างก่อนขายกับบ้านสั่งสร้าง โดยบ้านสั่งสร้างเน้นให้มีเวลาดาวน์นานขึ้น 6 เดือน ถ้าหากดาวน์ 20% เฉลี่ยลูกค้าต้องออมเงินดาวน์เดือนละ 3% เศษ น่าจะพอรับภาระได้

สำหรับกลยุทธ์แข่งขันของโกลเด้นแลนด์ ช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จจากการเบียดขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ในตลาดทาวน์เฮาส์ กลุ่มราคา 2-3 ล้านบาท ปี 2562 โฟกัสสินค้าบ้านแฝดแบรนด์นีโอ เพราะมองเห็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จากเดิมเคยมีขนาดตลาดปีละ 5,000 ยูนิต ล่าสุดสถิติเกินปีละ 10,000 ยูนิต เป็นสินค้าทดแทนบ้านเดี่ยว และรองรับพฤติกรรมการอยู่อาศัยแบบครอบครัวขนาดเล็กในยุคปัจจุบัน

“เป้ารับรู้รายได้ปีหน้าเพิ่มบทบาทนีโอโฮม 18% ทาวน์โฮมยังสูงสุด 51% บ้านเดี่ยว 26% และโครงการในต่างจังหวัด 5%” นายแสนผินกล่าว