ซีพีแลนด์เดินเครื่องนิคม “ซีพีจีซี” ดึงนักลงทุนจีน-ญี่ปุ่นปั้นฮับอีอีซี

นายสุนทร อรุณานนท์ชัย ประธานกรรมการบริษัท ซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมลงนามความร่วมมือระหว่างซีจีกับหน่วยงานของประเทศจีน ซึ่งจะมีการนำ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve กับ New S-Curve) ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ตามที่รัฐบาลไทยประชาสัมพันธ์ไทยแลนด์ 4.0 มาลงทุนภายในประเทศ

โดยมีการลงนามความร่วมมือกับ 3 องค์กรใหญ่ของจีน คือ 1.สถาบันบัณฑิตย์วิทยาศาสตร์จีน มีที่ทำการอยู่ที่กรุงปักกิ่ง แต่มีสาขาในประเทศไทยอยู่ที่กรุงเทพฯ โดยเป็นการร่วมมือด้าน Know-How และสนับสนุนให้อุตสาหกรรมของประเทศจีนที่ใช้เทคโนโลยีสูงมาลงทุนในเขตนิคมอุตสาหกรรมซีพีจีซี

2.บริษัท CHINA ENERGY ENGINEERING GROUP YUNNAN ELECTRIC POWER DESIGN INSTITUTE มีความสนใจจะลงทุนด้านธุรกิจพลังงาน และ CAS ION MEDICAL TECHNOLOGY ECONOMIC AND COMMERCIAL COUNSELOR ที่สนใจจะลงทุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ (medical equipment) เช่น ระบบตรวจวินิจฉัยโรคด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) และระบบการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เป็นต้น ส่วนการลงทุนที่จะลงเงินจริงเป็นสิ่งที่ฝ่ายจีนจะพิจารณาต่อไป

บริษัท ซีจี คอร์เปอเรชั่น จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการอุตสาหกรรม และดำเนินกิจการพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรม ซีพีจีซี เป็นการร่วมทุนระหว่าง ซี.พี.แลนด์และกลุ่มกว่างซีจากประเทศจีน สัดส่วน 50:50 ด้วยทุนจดทะเบียน 3,500 ล้าบาท

ตั้งอยู่ในเขตอำเภอนิคมพัฒนา และอำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง นำหลักการแนวคิดนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) มาประยุกต์ใช้ในการออกแบบโครงการนิคมอุตสาหกรรมซีพีจีซี มีพื้นที่โครงการทั้งหมด 3,068-1-15 ไร่

โดยแบ่งเป็นเขตอุตสาหกรรมทั่วไป 2,205 ไร่ เขตพาณิชยกรรม 112 ไร่ พื้นที่ระบบสาธารณูโภค 443 ไร่ พื้นที่สีเขียวและแนวกันชน 307 ไร่ สามารถเชื่อมโยงเขตอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกทั้ง 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ได้อย่างสะดวกสบาย

อีกทั้งยังได้รับการประกาศเป็นเขตส่งเสริมเพื่อกิจการอุตสาหกรรม โดยมุ่งเน้นอุตสาหกรรมที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต ตามแนวนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มนักลงทุนที่สื่อสารโดยใช้ภาษาจีน ซึ่งคาดว่าโครงการดังกล่าวจะขาย/ให้เช่า ได้หมดภายในระยะเวลา 4 ปี พร้อมก่อให้เกิดการลงทุนไม่น้อยกว่า 60,000 ล้านบาท และการจ้างงานไม่น้อยกว่า 20,000 อัตรา เพื่อให้คนไทยได้เรียนรู้อาชีพและพัฒนาศักยภาพ ขับเคลื่อนด้วยแนวคิด High Technology ที่ส่งต่อถึงคนรุ่นหลัง ดังนั้นบริษัทฯ จึงมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาเพื่อก้าวไปสู่การเป็นผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมอย่างมืออาชีพและยั่งยืน

“ตอนนี้เราเคลียร์ทุกอย่างจบแล้ว เช่น ผังเมือง ออกแบบเสร็จแล้วคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคในปี2562และเริ่มเปิดเพเนินการเฟสแรกในปี2563 เราเปิดกว้างไม่ได้มีแค่นักลงทุนจากจีน ยังมีญี่ปุ่นที่สนใจด้วย” นายสุนทรกล่าว