ปิดดีลอภิมหาโปรเจ็กต์ส่งท้ายปี กลุ่ม ซี.พี.เสนอ 117,227 ล้าน ซิวไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน ต่ำกว่าเพดาน ครม. 2.1 พันล้าน ทิ้งห่างบีทีเอส 5.2 หมื่นล้าน ให้รัฐอุดหนุนปีละ 14,965 ล้าน คณะกรรมการคัดเลือกเตรียมเปิดซอง “ข้อเสนอพิเศษ” ต้นปีหน้าหวังเซ็นสัญญา 31 ม.ค. 62
นายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ประธานคณะกรรมการคัดลือกเปิดเผยว่า ที่ประชุม (21 ธ.ค. 261) คณะกรรมการคัดเลือกโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา ระยะทาง 220 กม. วงเงินลงทุน 224,544 ล้านบาท พิจารณาเอกสารชี้แจงและตรวจสอบซองที่ 3 สรุปข้อเสนอของกลุ่ม ซี.พี.และพันธมิตร คือ บมจ.อิตาเลียนไทย บริษัท CRCC บมจ.ช.การช่าง และ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด แผนการเงินสอดคล้องทั้งการเดินรถ ปริมาณผู้โดยสาร และอัตราค่าโดยสาร
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ทิ้งห่างบีทีเอส
โดยกลุ่ม ซี.พี.ขอเงินสนับสนุนจากรัฐต่ำสุดอยู่ที่ 117,227 ล้านบาท หรือต่ำกว่า 2,198 ล้านบาท จากกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้ 119,425 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่ากลุ่ม BSR ของ บมจ.บีทีเอสกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ บมจ.ซิโน-ไทยฯ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรี 52,707 ล้านบาท โดยกลุ่มนี้ขอให้รัฐสนับสนุน 169,934 ล้านบาท
หากคิดเป็นจำนวนเงินรวมดอกเบี้ย 10 ปี ที่เอกชนจัดหาเงินกู้มาให้ในส่วนของกลุ่ม ซี.พี.อยู่ที่ 149,652 ล้านบาท ต่ำกว่ากลุ่มบีทีเอสที่เสนอ 238,330 ล้านบาท อยู่ที่ 88,678 ล้านบาท โดยกลุ่ม ซี.พี.ผู้เสนอราคาต่ำสุดให้รัฐจ่ายเงินสนับสนุนเป็นระยะเวลา 10 ปี จำนวน 14,965 ล้านบาท ตั้งแต่ปีที่ 6-15
“ขอยืนยันทางกลุ่ม ซี.พี.ยังไม่มีเงื่อนไขอะไรเพิ่มเติม รวมทั้งการรับประกันรายได้หรือกำไร” นายวรวุฒิกล่าวและว่า
เดินหน้าเปิดซองต่อ
“วันที่ 24 ธ.ค.นี้ คณะกรรมการคัดเลือกจะเปิดซองที่ 4 เป็นข้อเสนอเพิ่มเติมของกลุ่ม ซี.พี. เพราะเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด โดยจะพิจารณาข้อเสนอที่เป็นประโยชน์กับรัฐและประชาชน จากนั้นวันที่ 3 ม.ค. 2562 จะเจรจาในรายละเอียดต่าง ๆ คาดว่าจะได้ข้อสรุปประมาณกลางเดือน ม.ค. และเซ็นสัญญาภายในวันที่ 31 ม.ค. 2562 ได้ตามเป้า อย่างไรก็ตาม หากเจรจาแล้วไม่มีข้อยุติ จะเชิญกลุ่มบีทีเอสที่ผ่านการพิจารณาซอง 3 มาเปิดซองที่ 4 และเจรจาต่อไป เพื่อไม่ให้โครงการต้องเริ่มกระบวนการเปิดประมูลใหม่” นายวรวุฒิกล่าวและว่า
ส่วนอัตราค่าโดยสารและปริมาณผู้โดยสาร ทางกลุ่ม ซี.พี.เสนอมาใกล้เคียงกับผลการศึกษาที่ ร.ฟ.ท.ศึกษาไว้ โดยในปี 2566 ซึ่งเป็นปีแรกเปิดบริการจะมีผู้โดยสารช่วงดอนเมือง-สุวรรณภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 103,920 เที่ยวคนต่อวัน และช่วงสุวรรณภูมิ-ระยอง อยู่ที่ 65,630 เที่ยวคนต่อวัน ด้านอัตราค่าโดยสารจากมักกะสัน-พัทยา อยู่ที่ 270 บาท/เที่ยว และจากมักกะสัน-อู่ตะเภาอยู่ที่ 330 บาท/เที่ยว
นายวรวุฒิกล่าวอีกว่า การพิจารณาซองที่ 3 ซึ่งเป็นข้อเสนอด้านการลงทุนและผลตอบแทน จะพิจารณา 8 ด้าน ได้แก่ 1.บัญชีปริมาณงาน รวมภาษีอากร ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายทั้งหมด 2.แผนธุรกิจในการดำเนินโครงการ 3.แผนการเงิน 4.การจัดหาแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการดำเนินโครงการ 5.ทรัพย์สินที่ใช้ในการดำเนินโครงการและกรรมสิทธิ์ของทรัพย์สินดังกล่าว
6.การคำนวณผลตอบแทนทางการเงินของโครงการตลอดอายุของสัญญาร่วมทุน 50 ปี 7.การคำนวณผลประโยชน์ที่ภาครัฐจะได้รับและการขอรับเงินที่รัฐร่วมลงทุนในโครงการ และ 8.อัตราค่าโดยสาร
แถม 300 ล้านให้รัฐ
รายงานข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่า กลุ่ม ซี.พี.นอกจากจะขอรัฐอุดหนุนค่างานโยธาต่ำแล้ว ในซองที่ 3 กลุ่ม ซี.พี.ยังเสนอรายได้เพิ่มเติมให้รัฐอีกปีละ 30 ล้านบาท รวม 10 ปี เป็นวงเงิน 300 ล้านบาท อีกทั้งยังเสนอผลตอบแทนรายได้การพัฒนาเชิงพาณิชย์สถานีมักกะสัน 150 ไร่ และสถานีศรีราชา 25 ไร่ให้รัฐ เพิ่มเติมจากค่าเช่าที่ดิน ในกรณีที่มีรายได้เกินจากที่ประมาณการไว้เป็นระยะเวลา 10 ปี เกือบ 10,000 ล้านบาท นอกจากจากค่าเช่าที่จ่ายให้ตลอดอายุสัญญา 50 ปี 56,138 ล้านบาทแล้ว
มั่นใจ 5 ปีเสร็จ
แหล่งข่าวจากกลุ่ม ซี.พี.เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2561 ที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการคัดเลือกทำหนังสือแจ้งมาว่า กลุ่ม ซี.พี.และพันธมิตรผ่านการพิจารณาซองที่ 3 และจะเปิดซองที่ 4 ข้อเสนอเพิ่มเติมในวันที่ 24 ธ.ค. เพื่อเจรจาต่อรองกันต่อไป ทั้งนี้ทางกลุ่มขอยืนยันว่า ราคาที่เสนอนั้นสามารถดำเนินการโครงการให้ก่อสร้างแล้วเสร็จใน 5 ปี ได้ตามกำหนด
โดยกลุ่มบริษัทมีสถาบันการเงินในประเทศและต่างประเทศให้การสนับสนุนร่วม 10 แห่ง ได้แก่ Japan Overseas Infrastructure Investment Corporation for Transport and Urban Development (JOIN) จากประเทศญี่ปุ่น, องค์การเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า), ธนาคาร ICBC จากประเทศจีน และสถาบันการเงินในประเทศอีก 4-5 ราย
นอจากนี้ ทางกลุ่มมีความพร้อมทั้งการก่อสร้าง การเดินรถ และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากมีพันธมิตรที่มีประสบการณ์ โดย ซี.พี.จะเป็นผู้พัฒนาเชิงพาณิชย์และอสังหาริมทรัพย์ ทั้งที่มักกะสัน ศรีราชา และที่ดินแปลงอื่น ๆ งานการก่อสร้างจะให้ บมจ.อิตาเลียนไทย ช.การช่าง และ CRCC เป็นผู้ก่อสร้าง
ส่วนการบริหารโครงการให้บริษัท Ferrovie dello Stato Italiane หรือ FS จากอิตาลี มีรัฐบาลถือหุ้น 100% มีความเชี่ยวชาญด้านบริหาร บำรุงรักษาระบบรางและรถไฟความเร็วสูงมายาวนาน คัดเลือกระบบและบริหารต้นทุนโครงการให้ ทั้งรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ที่จะต้องยกเครื่องใหม่ และรถไฟความเร็วสูง โดยจะมี BEM มาช่วยดำเนินการ
ขณะที่ตัวระบบและขบวนรถ ทาง ซี.พี.มีซัพพลายเออร์หลายรายให้เลือก ทั้งเอเชียและยุโรป ไม่ว่าซีเมนส์จากเยอรมนี, ฮุนได โรเทม จากเกาหลี ที่ได้ไลเซนส์อัลสตรอมของฝรั่งเศส, ทาลาสผู้ผลิตระบบจากฝรั่งเศส และ CRRC รัฐวิสาหกิจและผู้ผลิตระบบรถไฟฟ้ารายใหญ่ของจีน ที่สนใจร่วมติดตั้งและผลิตขบวนรถให้ ทั้งนี้ คาดว่าจะใช้ระบบและรถของจีน
ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat
หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!