BEM ทุ่ม 4 หมื่นล้าน-ตรึงค่าผ่านทาง 10 ปี เซ็ตซีโร่ข้อพิพาทแลกขยายสัมปทาน 2 ทางด่วน 37 ปี

นายสุรงค์ บูลกุล ประธานคณะกรรมการ(บอร์ด)การทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) เปิดเผยว่าหลังคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันที่13 ธ.ค.2561เห็นชอบแนวทางตามที่กทพ.เสนอจะเจรจากับบมจ. ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ(BEM) คู่สัญญาสัมปทานโครงการทางด่วนถึงภาพรวมการแก้ปัญหาต่างๆ เช่น ข้อพิพาททางแข่งขันของทางด่วนบางปะอิน-ปากเกร็ดวงเงิน 4,200 ล้านบาท การดำเนินการสัญญาทางด่วนขั้นที่2จะสิ้นสุดวันที่ 28 ก.พ.2563

โดยที่ประชุมบอร์ดวันที่ 20 ธ.ค.2561 ได้เชิญผู้บริหารBEM มาเจรจา มีผลสรุปออกมาจะขยาย อายุสัญญาที่BEMรับสัมปทานทุกโครงข่ายทั้งทางด่วนขั้นที่2รวมส่วนD ช่วงพระราม9-ศรีนครินทร์ และทางด่วนบางปะอิน-ปากเกร็ด จะสิ้นสุดสัญญาวันที่ 1 พ.ย.2569 ออกไปเป็นระยะเวลา 37 ปี รวมงานก่อร้าง 4 ปี ให้สิ้นสุดสัญญาพร้อมกันในปี 2600 เริ่มตั้งแต่ปี 2563

แลกยุติข้อพิพาท1.3 แสนล้าน

เพื่อลดภาระหนี้ข้อพิพาทที่มีต่อกันคิดเป็นมูลค่ากว่า 1.3 แสนล้านบาท พร้อมกับปรับสูตรการปรับค่าผ่านทางใหม่ให้ปรับขึ้น.ทุกๆ10ปีในอัตรา10บาท เท่ากับว่าเอกชนจะปรับค่าผ่านทางได้2ครั้ง และแบ่งรายได้ค่าผ่านทางให้กทพ.60% ตลอดอายุสัญญาสัมปทาน

นอกจากนี้BEMยังจะลงทุนร่วม40,000ล้านบาท เพิ่มประสิทธิภาพการบริการและแก้ปัญหาการจราจร เช่น จะสร้างทางด่วน2ชั้นจากประชาชื่น-อโศก ระยะทาง17กม.วงเงิน 31,500 ล้านบาท สร้างทางขึ้นลงเพิ่ม ให้ความร่วมมือลดค่าผ่านทางบางด่าน เช่น ด่านเมืองทอง เป็นต้น

กทพ.โกยรายได้ 3 แสนล้าน

“แนวทางนี้เป็นการเซตซีโร่หนี้ และข้อคิดเห็นต่างๆที่ไม่ตรงกันมาตลอด ได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งรัฐและเอกชน ภายในเดือนธ.ค.นี้จะทำเรื่องเสนอไปกระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอไปสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจหรือสคร. และบอร์ดPPP พิจารณาเนื่องจากเป็นการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว จะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป”

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการวิเคราะห์รายได้ค่าผ่านทางที่กทพ.จะได้รับในสัดส่วน 60% ตลอดอายุสัญญาสัมปทาน 37 ปี ทั้งทางด่วนขั้นที่1และขั้นที่2 อยู่ที่ประมาณ 3 แสนล้านบาท

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat 

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!