เปิดใจ “วรวุฒิ มาลา” ขุนพลต่อรองเงื่อนไข ซี.พี. ยื่นคำขาด “เจ้าสัว” อยู่หรือไป

มาถึงทางแยกระหว่าง “ถอนหรือล้มดีล” สำหรับเมกะโปรเจ็กต์รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ระยะทาง 220 กม. มูลค่า 224,544 ล้านบาท

หลังเจรจากับ “กลุ่ม ซี.พี.” ซึ่งผนึกพันธมิตรไทยและต่างชาติตีตั๋วลงทุน ที่ยื่นข้อเสนอพิเศษนอกเหนือเงื่อนไขทีโออาร์ มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) จนมีทีท่าไม่สามารถปิดดีลได้ทันเซ็นสัญญาในเดือน มี.ค.นี้อย่างที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออก (อีอีซี) เดดไลน์

ทำให้ผลการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกโครงการมี “วรวุฒิ มาลา” รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เป็นประธาน ยื่นคำขาด “กลุ่ม ซี.พี.” ต้องมีคำตอบจะถอนข้อเสนอพิเศษเพื่อเดินหน้าเจรจาต่อหรือจะยุติการเจรจาทั้งหมด ในเมื่อคณะกรรมการปิดประตู 12 ข้อเสนอที่จะมาบาลานซ์ความเสี่ยงโครงการในอนาคต

“ที่ประชุมสรุปผลการเจรจาเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว ไม่รับข้อเสนอของกลุ่ม ซี.พี.จำนวน 12 ประเด็น จากข้อเสนอทั้งหมด 108 ประเด็น สำหรับ 12 ประเด็นที่ปัดตกไป ล้วนเป็นข้อเสนอที่มีมูลค่ามากและเป็นหัวใจสำคัญ แต่ไม่อยู่ในทีโออาร์ มติ ครม.และอำนาจของคณะกรรมการที่จะนำมาพิจารณาได้ เช่น ขอให้รัฐจ่ายเงินอุดหนุนตั้งแต่ปีแรกที่เริ่มก่อสร้าง, ขยายอายุสัมปทานจาก 50 ปีเป็น 99 ปี เป็นต้น”

โดยได้ทำหนังสือแจ้งกลุ่ม ซี.พี.ถึงผลการประชุมอย่างเป็นทางการแล้ว และให้มาเจรจาในวันที่ 5 มี.ค.นี้ โดยระบุไปว่า หากต้องการจะเจรจาต่อ จะต้องยอมรับเงื่อนไขของคณะกรรมการคัดเลือก จะไม่มีการนำข้อเสนอที่ปัดตกไปแล้วมาเจรจาอีก

ถ้ายอมรับจะเดินหน้าเจรจาในกลุ่มที่ง่ายต่อไป คาดว่ากลุ่ม ซี.พี.มีความตั้งใจสูง ไม่น่าจะถอนตัวจากโครงการนี้ น่าจะเดินหน้าต่อจนนาทีสุดท้าย เพียงแต่รอคำตอบจากผู้ถือหุ้นหากจะไม่ลงทุนจะต้องไปกล่อมหุ้นส่วน

“แต่ถ้ากลุ่ม ซี.พี.ยังจะนำข้อเสนอเดิมมาคุยอีก คณะกรรมการคัดเลือกจะเจรจาขอให้ยุติการเจรจาทันที เนื่องจากถ้ายังนำข้อเสนอเดิมมาคุยต่อเรื่อย ๆ ไม่มีประโยชน์กับทั้ง 2 ฝ่าย หรือถ้า ซี.พี.ไม่มาในวันที่ 5 นี้ คณะกรรมการคัดเลือกจะพิจารณายุติการเจรจา แต่จะแจ้งให้ทราบก่อน”

นายวรวุฒิกล่าวอีกว่า ต้องดูท่าทีของกลุ่ม ซี.พี.ในวันที่ 5 มี.ค.นี้ จะเจรจาแบบมีเงื่อนไขหรือยอมรับเงื่อนไขของคณะกรรมการคัดเลือก ซึ่งกลุ่ม ซี.พี.สามารถเพิ่มเติมข้อเสนอใหม่ได้ แต่ข้อเสนอจะต้องไม่ขัดมติ ครม. ทีโออาร์ โดยเฉพาะข้อเสนอด้านการเงินจะต้องไม่มีอีกแล้ว คาดว่าในวันนั้นจะตัดสินได้ว่ากลุ่ม ซี.พี.จะได้ไปต่อหรือไม่

“หากกลุ่ม ซี.พี.ยังมาแบบมีเงื่อนไขอีกคงคุยกันยาก ผมก็ไม่ได้ถูกกดดันมาจากรัฐบาล และรัฐก็ไม่ได้บีบเอกชน เพียงบอกว่าไปต่อกันไม่ได้ มาเสียเวลากันทำไม เพราะการจะยุติการเจรจาจะต้องให้กลุ่ม ซี.พี.ยินยอมด้วย หากเจรจาผ่านวันที่ 5 มี.ค.ไปได้จะถือว่าง่ายแล้วซึ่งประเด็นที่เหลืออยู่ในกรอบที่คณะกรรมการสามารถควบคุมได้ เนื่องจากอยู่ในกลุ่มง่าย เช่น การคิดอัตราค่าปรับกรณีก่อสร้างล่าช้า, การเรียกค่าเสียหายกรณีเกิดจลาจลและภัยสงคราม เป็นต้น”

ส่วนบรรดาข้อเสนอต่าง ๆ อาทิ การปรับย้ายสถานี สร้างสเปอร์ไลน์และส่วนต่อขยาย คณะกรรมการได้รับข้อเสนอไว้ เพื่อนำไปเพิ่มเติมในเงื่อนไขสัญญาเจรจาในอนาคต ส่วนการขอเลื่อนจ่ายค่าเช่าการพัฒนา TOD สถานีมักกะสันและศรีราชา คณะกรรมการไม่รับ เพราะเป็นประเด็นที่คาบเกี่ยวกับข้อเสนอด้านการเงิน เช่นเดียวกับการขอปรับเพดานเงินกู้ ทางกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นผู้ดูแลเรื่องนี้ ซึ่งคณะกรรมการคัดเลือกไม่ได้รับไว้พิจารณาเพราะไม่มีอำนาจ

“วรวุฒิ” ย้ำว่า โครงการยังคงเดินหน้าต่อ แม้ว่ากลุ่ม ซี.พี.จะไปต่อไม่ได้ ซึ่งในทีโออาร์กำหนดให้เชิญเอกชนรายถัดไปมาเปิดข้อเสนอซองที่ 4 ข้อเสนออื่น ๆ ในการเพิ่มประสิทธิภาพของโครงการ และดำเนินการเจรจา ซึ่งทางคณะกรรมการจะเชิญกลุ่มกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ ที่มี บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง เป็นแกนนำเจรจาราคาที่เสนอให้รัฐอุดหนุน 169,934 ล้านบาท

ทั้งนี้เพื่อให้ทุกอย่างจบภายในเดือน มี.ค.นี้ หากเป็นไปตามนี้ อีก 6 เดือนจะเริ่มก่อสร้างได้ เนื่องจากรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) จะได้รับการพิจารณาในเร็ว ๆ นี้ หลังพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว

แม้จะดูเหมือน “กลุ่ม ซี.พี.” มีแค่ 2 ทางเลือก คือ ถอนข้อเสนอที่เป็นไปไม่ได้ กับยกเลิกเจรจา แต่ว่ากันว่าด้วยความเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ไม่น่าจะยอมจำนนโดยง่าย

รายงานข่าววิเคราะห์ว่า ถ้าวันที่ 5 กลุ่ม ซี.พี.ยอมถอนเงื่อนไขก็เจรจาร่างสัญญาต่อ แต่ถ้าไม่ยอมถอนและจะขอเจรจาต่อจะทำยังไง เนื่องจากในทีโออาร์ระบุชัดการเจรจาจะสิ้นสุดต่อเมื่อ 2 ฝ่ายยินยอมพร้อมกัน ทางคณะกรรมการจะไปเชิญรายที่ 2 มาเจรจาเลยไม่ได้ ทั้งนี้กลุ่ม ซี.พี.มีสิทธิจะไปขอให้ศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราวได้ เพราะถือว่าการเจรจายังไม่ยุติ จะทำให้ยืดเยื้อออกไปอีก

รอดูท่าที “เจ้าสัว ซี.พี.” สุดท้ายแล้ว “อยากจะได้” หรือ “อยากจะดึง” กันแน่โปรเจ็กต์นี้