รฟท.รับความความเห็นชาวแปดริ้ว ก่อนสร้างไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบิน

นายจุลเทพ จิตะสมบัติ วิศวกร อำนวยการศูนย์โครงการปรับปรุงทาง การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า รฟท. ได้เปิดการประชุมการมีส่วนร่วมของประชาชน ครั้งที่ 1 (ปฐมนิเทศโครงการ) งานศึกษา ทบทวน และวิเคราะห์ความเหมาะสม โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบินแบบไร้รอยต่อ (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ที่โรงแรมซันธารา เวลเนส รีสอร์ท อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อนำเสนอข้อมูลรายละเอียดโครงการ แนวเส้นทางโครงการ รูปแบบการก่อสร้าง และประโยชน์ของโครงการ โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนากว่า 400 คน

สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน เป็นหนึ่งในแผนงานสำคัญด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมและโลจิสติกส์ ที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี โดยได้รับการบรรจุไว้ในแผนการดำเนินโครงการและงบประมาณ ในปีงบประมาณ 2560-2561 เป็นการปรับปรุงโครงการรถไฟฟ้าเชื่อมระหว่างท่าอากาศยาน และโครงการรถไฟความเร็วสูง ประกอบด้วย

1.โครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง (Suvarnabhumi Airport Rail Link and City Air Terminal : ARL) 2.โครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนต่อขยายช่วงพญาไท-ดอนเมือง (ARLEX) 3.โครงการรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-ระยอง (HSR) เพื่อให้รถไฟฟ้าแบบ City Line และการเดินรถไฟความเร็วสูง เชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์เป็นโครงการเดียว สามารถรองรับความต้องการการเดินทางที่เพิ่มมากขึ้น เป็นการอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้มาใช้บริการ

ทั้งนี้ รฟท.นำเสนอสาระสำคัญโครงการ ได้แก่ แนวเส้นทางโครงการที่ผ่านพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ จ.สมุทรปราการ จ.ฉะเชิงเทรา จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง มีจำนวน 10 สถานี ได้แก่ สถานีดอนเมือง สถานีบางซื่อ สถานีมักกะสัน สถานีสุวรรณภูมิ สถานีฉะเชิงเทรา สถานีชลบุรี สถานีศรีราชา สถานีพัทยา สถานีอู่ตะเภา และสถานีระยอง

รูปแบบโครงสร้างของโครงการ จะก่อสร้างเป็นทางรถไฟขนาด 1.435 เมตร (standard Gauge) 2 ช่วง คือ พญาไท-ดอนเมือง และลาดกระบัง-ระยอง พร้อมทางรถไฟเชื่อมเข้าออกสนามบิน ส่วนใหญ่เป็นทางรถไฟยกระดับ มีส่วนที่เป็นอุโมงค์ทางคู่บริเวณช่วงถนนพระราม 6 – สามเสน สถานีสุวรรณภูมิ และเขาชีจรรย์ รวมระยะทางประมาณ 260 กม. โดยมีศูนย์ซ่อมบำรุงเดิมที่คลองตัน เพื่อรองรับรถไฟฟ้า City Line ส่วนศูนย์ซ่อมบำรุงแห่งใหม่พื้นที่ประมาณ 400 ไร่ ตั้งอยู่ที่ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อรองรับรถไฟความเร็วสูง โดยมีศูนย์กลางควบคุมการเดินรถ (Operations Control Centre – OCC) ของโครงการตั้งอยู่ที่ศูนย์ซ่อมบำรุงทั้ง 2 แห่ง โดยตลอดแนวเส้นทางโครงการฯ ส่วนใหญ่อยู่ในเขตทางของการรถไฟแห่งประเทศไทยเดิม ไม่ได้พาดผ่านพื้นที่ที่มีความอ่อนไหว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ โครงการฯ ยังได้เตรียมเสนอมาตรการป้องกันผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการดำเนินการก่อสร้างอีกด้วย

สำหรับ จ.ฉะเชิงเทรา ถือเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ นอกจากนี้ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวและวัดวาอารามที่สำคัญ อาทิ วัดโสธรวรารามวรวิหาร (วัดหลวงพ่อโสธร) ตลาดน้ำบางคล้า วัดสมานรัตนาราม ตลาดคลองสวน 100 ปี เป็นต้น ดังนั้น เมื่อการพัฒนาโครงการแล้วเสร็จในปี 2566 จะช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรมให้แก่ จ.ฉะเชิงเทรา อีกทั้งเพิ่มทางเลือกในการเดินทางและขนส่งสินค้า รวมทั้งช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ให้ดีขึ้น โดยคาดว่าจะมีผู้มาใช้บริการรถไฟฟ้า City Line กว่า 103,920 คน/เที่ยว/วัน และมีผู้ใช้บริการรถไฟความเร็วสูง ถึงกว่า 65,630 คน/เที่ยว/วัน

“รฟท.จะจัดประชุมการมีส่วนร่วมของประชาชน และเสนอผลสรุปผลการศึกษาโครงการ ในช่วงเดือน ต.ค. 2560 จากนั้น จะรวบรวมข้อมูล ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้จากผู้เข้าร่วมการประชุม นำมาพิจารณาประกอบรายงานผลการศึกษาโครงการฯ และจะจัดเตรียมส่งมอบให้กับกระทรวงคมนาคมพิจารณาต่อไป”

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์