“อัศวิน” ยันค่าโดยสาร “บีทีเอส” สายเขียวใต้ไม่เกิน 65 บาท จนกว่าสิ้นสัญญาสัปทานปี’72

เมื่อวันที่ 22 เมษายน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังประชุมคณะผู้บริหาร กทม.ว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 265 และมาตรา 44 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ให้ กทม.ดำเนินการจ้างผู้ประกอบการเอกชนติดตั้งระบบไฟฟ้า จัดการเดินรถไฟฟ้า และบริหารการเดินรถไฟฟ้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ซึ่งเป็นโครงการส่วนต่อขยายที่ 2 ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยไม่ถือเป็นการร่วมลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน นอกจากนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย (มท.) แต่งตั้งคณะกรรมการที่มีปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน ทำหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งปันผลประโยชน์จากค่าโดยสาร รวมถึงหลักเกณฑ์อื่นๆ ในการรวมโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีสะพานตากสิน-สถานีบางหว้า และช่วงสถานีอ่อนนุช-สถานีแบริ่ง ซึ่งเป็นโครงการส่วนต่อขยายที่ 1 และโครงการส่วนต่อขยายที่ 2 อีกทั้งให้ดำเนินการเจรจาร่วมกับผู้รับสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปนั้น

“ในส่วนของอัตราค่าโดยสาร กทม.ได้ยืนยันต่อรัฐมนตรีว่าการ มท.ว่า กทม.จะกำหนดเพดานอัตราค่าโดยสารสูงสุดในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว แบริ่ง-สมุทรปราการ ไม่เกิน 65 บาท โดยเอกชนที่จะเข้าบริหารจัดการต้องรับข้อเสนอดังกล่าวให้ได้ ซึ่ง กทม.จะไม่ยอมให้อัตราค่าโดยสารสูงเกินกว่ากำหนดดังกล่าวแน่นอน ขณะเดียวกัน การแต่งตั้งคณะกรรมการที่มีปลัด มท.เป็นประธาน ทำหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งปันผลประโยชน์จากค่าโดยสาร รวมถึงหลักเกณฑ์อื่นๆ โดยรัฐมนตรีว่าการ มท.จะประกาศคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอีกครั้ง ซึ่งจะต้องมีผู้แทนของ กทม.ร่วมเป็นคณะกรรมการด้วย” พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม กทม.ไม่ต้องการให้ประชาชนได้รับผลกระทบในการแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทาง พร้อมยืนยันชัดเจนว่าค่าโดยสารตลอดเส้นทางจะอยู่ที่อัตราไม่เกิน 65 บาท จนกว่าจะหมดสัญญาสัมปทานในปี 2572

 

 

 

ที่มา มติชนออนไลน์