อั้นไม่ไหว! คมนาคมแจงยิบขึ้นค่ารถเมล์ “ก๊าซ-ต้นทุน” พุ่งหลังพลังงานปล่อยลอยตัว-ปตท.เลิกหนุน

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวชี้แจงกรณีที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และรถโดยสารเอกชนร่วมบริการ ขึ้นค่าโดยสารเมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า หลังจากที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นฟ้องคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ต่อศาลปกครองกลางให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว โดยขอให้ศาลทุเลาการบังคับใช้คำสั่งขึ้นค่ารถโดยสารรถเมล์เป็นการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา และเพิกถอนมติของคณะกรรมการ เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.61 นั้น เบื้องต้น ขสมก.และกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้เดินทางไปชี้แจงต่อศาลแล้ว ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างรอคำสั่งของศาลต่อไป

สาเหตุที่ต้องปรับขึ้นราคารถเมล์ มาจาก 2 เหตุผล คือ 1.กระทรวงพลังงาน มีนโยบายลอยตัวราคาก๊าซธรรมชาติ ปัจจุบันค่าก๊าซที่ขายให้รถขนส่งสาธารณะอยู่ที่ 19.01 บาท/กิโลกรัม ซึ่งจะมีการปรับราคาขึ้น 3 บาทเป็น 22.01 บาท/กิโลกรัม แบ่งการปรับขึ้นราคาไตรมาสละ 1 บาท ภายในปีนี้ และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่เคยมีนโยบายช่วยอุดหนุนราคาพลังงาน 3 บาท/ลิตร จะงดการสนับสนุนในเดือน พ.ค.นี้ และ 2.ในปี 2558-2559 มีการว่าจ้างที่ปรึกษาศึกษาเรื่องต้นทุนค่าประกอบกิจการของ ขสมก.และรถร่วม พบว่าต้นทุนด้านต่างๆ มีการปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งได้นำเสนอคณะกรรมการขนส่งทางบกกลางไปแล้ว

คณะกรรมการฯจึงให้มีการปรับขึ้นค่าโดยสารในวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) มีความกังวลกับประเด็นดังกล่าว คณะกรรมการฯจึงได้เลื่อนการปรับขึ้นค่าโดยสารไปก่อน 3 เดือน ซึ่งมีกำหนดสิ้นสุดเมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้วันที่ 22 เม.ย. จึงต้องปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร เป็นการทำตามมติที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง

ทั้งนี้ การเก็บค่าโดยสารตามมติเมื่อปี 2558 ขสมก.ไม่ได้ดำเนินการเก็บตามมติจริง ยังคงเก็บค่าโดยสารต่ำกว่ามติที่ออกมา ซึ่งในปี 2558 มีมติเก็บค่าโดยสารและเก็บค่าโดยสารจริง ดังนี้

รถร้อน (ครีม-แดง) ค่าโดยสารที่ต้องเก็บ 8 บาท เก็บจริง 6.5 บาท

รถแอร์ (ครีม-น้ำเงิน) ค่าโดยสารที่ต้องเก็บ 12-20 บาท เก็บจริง 10-18 บาท

รถแอร์ (ยูโร) ค่าโดยสารที่ต้องเก็บ 13-25 บาท เก็บจริง 11-23 บาท

ส่วนรถร่วมเอกชน เก็บเต็มตามมติที่ออกมา แบ่งเป็น

รถบัส-มินิบัสร้อย เก็บเต็ม 9 บาท
รถแอร์ เก็บเต็ม 12-20 บาท
รถแอร์รุ่นใหม่ 13-25 บาท
รถมินิบัสแทนรถตู้ 20 กม.แรกกม.ไม่เกิน 1.06 บาท 20 กม.ขึ้นไป กม.ละ 0.87 บาท
รถตู้ 10 กม.แรก กม.ละ 1 บาท 10 กม.ขึ้นไปไม่เกิน 0.80 บาท และบวกเพิ่มค่าโดยสารอีก 2 บาท

ขณะที่การปรับขึ้นค่าโดยสารตามมติเมื่อปี 2561 ก็จะจัดเก็บตามมติเดิม แต่เพื่อเป็นการช่วยลดภาระของประชาชน ก็จะจัดเก็บตามปี 2558 ไปก่อน และในปี 2563 จะดำเนินการตามมติของปีนี้ต่อไป

สำหรับค่าโดยสารตามมติปี 2561 ต้องปรับขึ้นดังนี้

รถร้อน (ครีม-แดง) ปรับขึ้นเป็น 10 บาท เก็บจริง 8 บาท ส่วนต่าง 1.5 บาท

รถแอร์ (ครีม-น้ำเงิน) ปรับขึ้นเป้น 13-21 บาท เก็บจริง 12-20 บาท ส่วนต่าง 2 บาท/ระยะ

รถแอร์ (ยูโร) ปรับขึ้นเป็น 14 – 26 บาท เก็บจริง 13-25 บาท ส่วนต่าง 2 บาท/ระยะ

และรถเมล์ใหม่ 489 คัน ปรับขึ้นและเก็บตามมติเป็น 15 (4 กม.แรก) 20 (4-16 กม.) และ 25 บาท (16 กม.ขึ้นไป)

ส่วนรถร่วมเอกชน จัดเก็บจริงเต็มเพดานตามมติ แบ่งได้ดังนี้
รถร้อน-มินิบัส 10 บาท
รถแอร์ 13-21 บาท
รถแอร์รุ่นใหม่ 14-26 บาท
รถมินิบัสแทนรถตู้ เริ่มต้นที่ 20 บาท และจัดเก็บตามระยะทาง 20 กม. แรก 1.30 บาท เกิน 20 กม. 1 บาท
รถตู้ เริ่มต้นที่ 15 บาท และจัดเก็บตามระยะทาง 20 กม.แรก ไม่เกิน 1.20 บาท เกิน 20 กม. 0.80 บาท

ขณะที่การปรับค่าโดยสารในปีถัดไปก็จะต้องมีการประชุมคณะกรรมการฯอีกครั้ง เพื่อรับทราบมติเดิมก่อน แต่จะปรับขึ้นค่าโดยสารเลยหรือไม่นั้น ต้องหารือกันอีกรอบก่อน