ERA ฟันธง “การเมือง-การเงิน” ฉุดมู้ดช็อปบ้านมือสอง

นายวรเดช ศิวเตชานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีอาร์เอ โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ERA เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมตลาดรับฝากขายอสังหาริมทรัพย์มือสอง หรือตลาดรีเซลในช่วง 5 ปี (2557-2561) ยังเห็นเทรนด์การเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่เป็นลักษณะการเติบโตแบบถดถอย

โดยโมเดลธุรกิจแฟรนไชส์ ERA รับฝากขายทรัพย์ทั้งที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ อาคารพาณิชย์ คอนโดมิเนียม และที่ดินเปล่า ส่วนใหญ่ทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยเป็นการขายแบบ C to C – customer to customer หรือการฝากขายโดยเจ้าของรายย่อย

“คำว่าตลาดรีเซลรายย่อยเติบโตถดถอย เช่น รอบปีมีรายการฝากขาย 10,000 รายการ ปีต่อไปควรจะเติบโตสัก 20% เป็น 12,000 รายการ แต่สถิติจริงเพิ่มเป็น 11,000 รายการ หรือโตแค่ 10%”

สาเหตุที่ตลาดเติบโตถดถอย ส่วนหนึ่งมีผลกระทบมาจากสถานการณ์การเมือง เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์พอใกล้การเลือกตั้งจะชะลอตัวเพราะคนรอดูสถานการณ์ก่อน ยังไม่ตัดสินใจที่จะซื้อจะขาย โดยเฉพาะคนขาย อยากรอหลังเลือกตั้งให้ทุกอย่างนิ่งก่อน และมีความหวังว่าอาจขายได้ราคาดีกว่า

ในด้านคนซื้อก็ชะลอการตัดสินใจซื้อเพราะไม่มีความมั่นใจว่าเลือกตั้งแล้วพรรคการเมืองไหนจะมา พอเริ่มมีข่าวเรื่องการเลือกตั้งทำให้บรรยากาศของตลาดรีเซลมีการทำธุรกรรมเบาบางลง

ทั้งนี้ ช่วง 6 ปีดังกล่าวจะพบว่าปี 2560 ยอดการซื้อขายหดตัววูบลงทุกสินค้า นายวรเดชอธิบายว่า สถิติที่ลดลงไม่เกี่ยวกับกำลังซื้อของตลาดแต่อย่างใด หากแต่ในช่วงปี 2560 แฟรนไชซีหรือตัวแทนแฟรนไชส์ลูกข่ายหันความสนใจไปลงทุนบิตคอยน์หรือสกุลเงินดิจิทัลจำนวนมาก

“เอเย่นต์ของผมที่ทำเงินได้เยอะ ๆ ก็หันไปลงทุนบิตคอยน์เพราะตอนนั้นฮิตมาก กลายเป็นว่าเลิกโฟกัสอสังหาฯ รีเซล ก็เลยทำให้ยอดเราหายไปเยอะเหมือนกัน แต่พอไปขาดทุนจากบิตคอยน์ก็หันกลับมามุ่งมั่นกับตลาดฝากขายเหมือนเดิม ปี 2561 จึงมียอดสูงขึ้น”

สำหรับปี 2562 แนวโน้มครึ่งปีแรกตลาดรีเซลชะลอตัวเล็กน้อย รับผลกระทบจากมาตรการ LTV ที่ทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดพิจารณาสินเชื่อมากขึ้น ประเมินว่าช่วงครึ่งปีหลังคนจะเริ่มเคยชินและกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยคาดว่าปีนี้สินค้ามือสองน่าจะเติบโต 10% เทียบกับปีที่แล้ว