กคช.ชวนอสังหาร่วมลงทุน “Joint Supporting” เป็นพี่เลี้ยงตั้งแต่ออกแบบ-ขอเงินกู้-บริหารนิติ

การเคหะแห่งชาติ Kick off โครงการร่วมดำเนินกิจการภาครัฐและเอกชน (Joint Support) เปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอเพื่อเข้าร่วมโครงการตั้งแต่ 3 พฤษภาคม 2562 เป็นต้นไป โดยการเคหะฯ มีบทบาทเป็นที่ปรึกษาโครงการ

ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) กล่าวว่า การเคหะฯ เปิดให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาที่อยู่อาศัยร่วมกับการเคหะแห่งชาติใน โครงการร่วมดำเนินกิจการระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (Joint Support) โดยการเคหะฯ รับเป็นที่ปรึกษา (Consultant) ดังนี้

1.การสอบทานผลการศึกษาและวิเคราะห์ความเป็นไปได้โครงการ (Feasibility Study : FS) เบื้องต้น เพื่อขออนุมัติสินเชื่อ (Pre Finance) หรือสินเชื่อโครงการจากสถาบันการเงิน และให้คำแนะนำ การบริหารสินเชื่อลูกค้ารายย่อย (Post Finance) ที่เหมาะสมและสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของสถาบันการเงินรวมทั้งติดต่อประสานงานกับหน่วยงานรัฐต่างๆ

2.ให้ข้อเสนอแนะในการบริหารจัดการก่อสร้าง (Project Management) แบบครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอนก่อน ระหว่าง และหลังการก่อสร้างเช่น การออกแบบ การวางผัง และองค์ประกอบต่างๆ การบริหารต้นทุนค่าก่อสร้างและงบประมาณ การบริหารจัดการก่อสร้างรวมทั้งให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดำเนินการตามกฎหมายอาคารชุด และกฎหมายการจัดสรรที่ดิน และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับการส่งมอบหน่วยพักอาศัยให้กับลูกค้า ตลอดจนให้คำแนะนำในการบริหารจัดการชุมชน และการบริการหลังการขาย (After Sale Service)

สำหรับเอกชนที่สนใจต้องมีคุณสมบัติเบื้องต้น ประกอบด้วย

1.เป็นบุคคลหรือนิติบุคคลไทย

2.มีประสบการณ์ไม่น้อยกว่า 5 ปี ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง หรือมีทีมงานและผู้บริหารมืออาชีพ

3.ต้องมีเงินลงทุนสำรองเพียงพอต่อการพัฒนาโครงการในขั้นต้น

4.ถ้ามีที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองจะมีการพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ

5.การก่อสร้างโครงการจะต้องมีจำนวนหน่วยพักอาศัยไว้รองรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง ไม่น้อยกว่า 10% ของจำนวนหน่วยรวมทั้งโครงการ

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อขอซื้อแบบเอกสารขอรับสนับสนุนโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2562 เป็นต้นไป ณ กองพัฒนาธุรกิจและสินทรัพย์ ฝ่ายบริหารสินทรัพย์ ชั้น 5 อาคาร 1 สำนักงานใหญ่ การเคหะแห่งชาติ

“การเคหะฯ เดินหน้าพัฒนาที่อยู่อาศัยภายใต้แผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (2560-2579) เพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางได้มีที่อยู่อาศัยเป็นกรรมสิทธิ์เป็นของตนเอง ทั้งยังเป็นการสนองนโยบายรัฐบาลที่ต้องการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสในการเข้าถึงระบบการเงินและสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และส่งเสริมการมีส่วนร่วมในทุกระดับทั้งภาครัฐและเอกชน”