ช.การช่างเฮ! บอร์ดกทพ.อนุมัติขยายสัมปทานทางด่วน 30 ปี เซตซิโร่ข้อพิพาทเร่งชงคมนาคม-บิ๊กตู่เคาะ

นายสุรงค์ บูญกุล ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ดนัดพิเศษวันที่ 15 พ.ค. 2562 มีมติอนุมัติตามที่คณะอนุกรรมการพิจารณาแนวทางดำเนินการคดีข้อพิพาททางด่วนมีนายปกรณ์ อาภาพันธุ์ เป็นประธาน ได้สรุปผลการเจรจากับบมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) เพื่อเซตซีโร่ข้อพิพาทการปรับค่าผ่านทางและทางแข่งขันที่มีการยื่นฟ้องร้องต่อกันทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าคดีที่ตัดสินไปแล้วและอยู่ในชั้นพิจารณาของอนุญาโตตุลาการอยู่ที่ประมาณ 59,000 ล้านบาท

โดยผลสรุป 1. จะขยายอายุสัมปทานทางด่วน 3 สัญญา ออกไปอีก 30 ปี นับจากวันสิ้นสุดของแต่ละสัญญา ได้แก่ ทางด่วนขั้นที่ 2 (A,B,C )จากเดิมสิ้นสุดเดือนมี.ค.2563 เป็นสิ้นสุดเดือนมี.ค.2593 2.ทางด่วนขั้นที่2 ส่วนต่อขยายส่วนดี จากเดิมสิ้นสุดเดือนเม.ย. 2570 เป็นเดือนเม.ย.2600 และ3.ทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด จากเดิมสิ้นสุดในเดือนก.ย.2569 เป็นสิ้นสุดเดือนก.ย.2599

2. ปรับค่าผ่านทางเป็นแบบอัตราคงที่ 10 บาท ปรับทุก 10 ปี จากเดิมปรับทุก 5 ปี ตามค่าดัชนีผู้บริโภค (CPI) โดยทางด่วนขั้นที่2 จะปรับในปี 2573 ส่วนทางด่วนขั้นที่2 ส่วนดีและบางปะอิน-ปากเกร็ดเนื่องจากสัญญาเดิมยังไม่สิ้นสุดจะยึดตามสัญญาเดิมไปก่อน คือ ปรับทุก 5 ปี ตาม CPI

3. กทพ.ได้ส่วนแบ่งรายได้ทางด่วนชั้นที่ 2 เท่าเดิม ในสัดส่วน 60% ตลอดอายุสัญญาในส่วนของค่าผ่านทางโครงข่ายในเมือง ส่วนBEM จะได้รายได้ 40% ส่วนรายได้ค่าผ่านทางของทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน C และส่วน D เป็นโครงข่ายนอกเมืองและทางด่วนบางปะอิน-ปากเกร็ดเป็นของ BEM ทั้งหมด

4. BEMจะลงทุน วงเงิน 31,500 ล้านบาท สร้างทางด่วนชั้นที่2 ช่วงด่านประชาชื่น-อโศก พร้อมสร้างทางขึ้น-ลงในบางพื้นที่ เช่น ทางเชื่อมบริเวณจตุจักรเชื่อมกับสถานีกลางบางซื่อ เพื่อแก้ปัญหาการจราจรและปรับปรุงการบริการของทางด่วนขึ้นที่2 ที่เต็มขีดความสามารถแล้ว ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น มีติดตั้งระบบ EMV เพื่อลดปัญหาการจราจรสะสมหน้าด่าน

ทั้งนี้จะดำเนินการได้ก็ต่อเมื่อโครงการผ่านการอนุมัติรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) จะใช้เวลาดำเนินการ 2 ปี หากไม่ได้รับการอนุมัติทางเอกชนจะรับความเสี่ยงไป โดยระยะเวลาสัมปทานจะลดลงเหลือ 15 ปี ซึ่งจะมีการเขียนแนบท้ายไว้ในสัญญาอย่างชัดเจน

5. BEM จะลดค่าผ่านทางช่วงอาจรงค์-บางนา (S1)ให้ 50% โดยจะปรับลดให้ในรูปแบบปีต่อปี

“ขั้นตอนจากนี้จะเร่งทำรายละเอียดเสนอไปยังคณะกรรมการกำกับตามมาตรา 43 ของทางด่วนขั้นที่ 2 และทางด่วนบางปะอิน-ปากเกร็ดพิจารณา ก่อนเสนอให้กระทรวงคมนาคมและคณะรัฐมนตรีพิจารณา”

ทั้งหมดเป็นการดำเนินการตามที่คณะรัฐมนตรีให้แนวทางมาเพื่อลดผลกระทบจากข้อพิพาททางด่วนบางปะอิน-ปากเกร็ดที่ศาลปกครองมีคำพิพากษาเมื่อก.ย. 2561 ให้กทพ.จ่ายค่าชดเชย 4,300 ล้านบาท ให้บริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ (NECL) คู่สัญญา ตอนนี้ล่าช้ามากว่า 6 เดือนแล้วและดอกเบี้ยเดินทุกวันๆละ 3 แสนบาท จึงต้องเร่งยุติเรื่องนี้โดยเร็ว ทั้งนี้การตัดสินใจไม่ได้อยู่ที่บอร์ดกทพ.อยู่ที่คณะรัฐมนตรี