การรถไฟฯ ขอต่ออายุสัญญาเช่าเซ็นทรัลหัวหินบี้ลงทุนเพิ่ม 3 พันล้าน

จับตา17 พ.ค.บอร์ด ร.ฟ.ท.เคาะต่อสัญญา “เซ็นทรัลหัวหินฯ” ชั่วคราวก่อนเปิดโต๊ะเจรจาเพิ่มเงื่อนไขลงทุนเพิ่ม 3.2 พันล้าน สร้างโรงแรม 3-4 ดาว 100 ห้อง แลกสัญญา 30 ปี รถไฟคาดได้ไม่ต่ำกว่า 5.7 พันล้าน ลุยศึกษาที่ดินเซ็นทรัล ลาดพร้าว เร่งรื้อย้ายเตรียมดึงเอกชนเช่ามักกะสัน ย่าน กม.11 สถานีกลางบางซื่อ

นายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท. วันที่ 17 พ.ค.นี้ จะมีวาระพิจารณาต่อสัญญาเช่าที่ดินหัวหินกับ บจ. เซ็นทรัลหัวหินบีชรีสอร์ท ผู้เช่าอาคารและทรัพย์สิน โรงแรมรถไฟหัวหิน หรือโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า หัวหิน เนื้อที่ 71.65 ไร่ อีก 30 ปี หลังสัญญาเดิมจะหมดอายุวันที่ 15 พ.ค.2562

“บอร์ดเคยอนุมัติแล้ว เรื่องติดอยู่ที่คมนาคม แต่เมื่อมี พ.ร.บ.ร่วมทุนฯใหม่ก็ถูกส่งกลับมาที่ ร.ฟ.ท. ตาม พ.ร.บ.ใหม่ไม่ต้องเข้า พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ แต่ต้องมีกฎระเบียบรองรับซึ่งอยู่ระหว่างยกร่าง จะไม่ทันกับที่สัญญาเช่าจะสิ้นสุด จึงเสนอให้บอร์ดพต่อสัญญาเช่า 1 ปีไปก่อน”

ทั้งนี้ ร.ฟ.ท.ได้จ้างที่ปรึกษาประเมินผลตอบแทนของที่ดินหัวหินไว้แล้ว จะต่อสัญญาเช่า 30 ปี คิดเป็นอัตราค่าเช่ารวมตลอด 30 ปี ไม่ต่ำกว่า 5,727 ล้านบาท และมีเงื่อนไขว่าเซ็นทรัลจะต้องลงทุน 3,200 ล้านบาทสร้างโรงแรมระดับ 3-4 ดาวเพิ่ม อย่างน้อย 100 ห้อง สำหรับสัญญาเช่าที่ดินทำเลอื่น

แหล่งข่าวจาก ร.ฟ.ท.กล่าวว่า ที่ดินบริเวณสามเหลี่ยมย่านพหลโยธิน เนื้อที่ 47.22 ไร่ ที่เช่าโดย บจ. เซ็นทรัลอินเตอร์พัฒนา ในเครือกลุ่มเซ็นทรัล พัฒนาเป็นศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว และโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์แอทเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว จะหมดสัญญาเช่าอีก 9 ปีในวันที่ 18 ธ.ค. 2571 อยู่ระหว่างเตรียมการหาแนวทางดำเนินการ เนื่องจากในสัญญาเช่าปัจจุบันไม่ได้เขียนกำกับไว้ว่า หากเซ็นทรัลประสงค์จะต่อสัญญาเช่า ต้องแจ้งให้ทราบก่อนเป็นรายแรก จึงเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายอื่นเข้ามาพัฒนาพื้นที่ตรงนี้ต่อได้ ซึ่งที่ผ่านมามีรายอื่นต้องการจะเช่าพื้นที่เช่นกัน เช่น กลุ่มเดอะมอลล์ ที่แสดงความชัดเจนตั้งแต่ปี 2551 หากเซ็นทรัลไม่ต่อสัญญาก็พร้อมจะเข้าดำเนินการ ทั้งนี้เซ็นทรัลก็เริ่มติดต่อเรื่องการต่อสัญญาเช่ามาบ้างแล้ว

“ที่ดินแปลงอื่นที่อยู่ในแผนแม่บทย่านบางซื่อ หลังจากที่แปลง A ได้ประกาศขายซองทีโออาร์ไปแล้ว เตรียมจะเริ่มพัฒนาพื้นที่ย่านตึกแดง เนื้อที่ 119 ไร่ อยู่ระหว่างจ้างที่ปรึกษาทำผลการศึกษา (final report) ส่งมาที่บอร์ด ร.ฟ.ท.จะแล้วเสร็จประมาณเดือน มิ.ย.นี้ เพราะจะเป็นโปรเจ็กต์พัฒนาต่อเนื่องกับสถานีกลางบางซื่อและรองรับการย้ายบ้านพักพนักงานรถไฟย่าน กม.11 ซึ่งมีแผนจะนำมาพัฒนาในอนาคต”

โดยพื้นที่ย่าน กม.11 มีเนื้อที่รวม 360 ไร่ ผลการศึกษาทำเสร็จแล้วและได้ส่งให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้ว แต่เดิมต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน 2556 แต่เมื่อการประกาศใช้ พ.ร.บ.ร่วมทุน 2562 ทำให้โครงการนี้ไม่เข้าเกณฑ์ตามมาตรา 7 อีกต่อไป กระทรวงจึงส่งเรื่องดังกล่าวกลับมาให้ ร.ฟ.ท.นำโครงการเสนอให้บอร์ด ร.ฟ.ท.พิจารณาให้ความเห็นชอบในการปฏิบัติตามระเบียบการรถไฟฯ ฉบับที่ 129 ว่าด้วยการจัดประโยชน์ในทรัพย์สินของการรถไฟฯแทน

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ที่ดินมักกะสัน เนื้อที่ 347 ไร่ ที่เหลือจากการตัดพื้นที่ 150 ไร่ให้เอกชนผู้ชนะประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินไปแล้ว อยู่ระหว่างศึกษาหาสถานที่ที่จะย้ายโรงซ่อมรถไฟออกไปจากพื้นที่ โดยจะจ้างที่ปรึกษาคำนวณค่าใช้จ่ายการรื้อย้ายทั้งหมด เวลาที่ต้องใช้ทำผลการศึกษาในรายละเอียดการย้ายโรงซ่อมทุกอย่างในพื้นที่ และรวมถึงการทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ด้วย

ขณะที่โรงพยาบาลบุรฉัตรไชยากรก็จะต้องดำเนินการรื้อย้ายเช่นกัน และหาที่ใหม่ได้แล้วคือบริเวณแปลง D ของพื้นที่พัฒนารอบสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งพื้นที่ตรงแปลง D ร.ฟ.ท.ให้กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขเช่า มีเงื่อนไขแลกเปลี่ยนคือต้องสร้างโรงพยาบาลรถไฟใหม่ให้ด้วย เพราะ ร.ฟ.ท.ไม่มีงบประมาณเพียงพอ โดยขอให้สร้างในโมเดลเดียวกับโรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ อยู่ระหว่างการออกแบบ