เมื่อเวลา 10.30 น. ผู้บริหารบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) วิสาหกิจกรุงเทพมหานคร (กทม.) นำโดยนายกิติศักดิ์ อร่ามเรือง ประธานกรรมการ และนายเอกนรินทร์ วาสนาส่ง รองกรรมการผู้อำนวยการสายยุทธศาสตร์และพัฒนาเมือง ร่วมแถลงข่าวกรณีโครงการท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดินของ กทม.
นายกิตติศักดิ์เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวดำเนินงานตามนโยบายของ กทม. และที่ให้เคทีทำเพราะเคทีมีความคล่องตัวในการดำเนินงานมากกว่า สำหรับแผนงานสำคัญๆ มี 2 แผนงาน คือ 1.การหาผู้รับเหมางานวางท่อ (Engineering-Procurement-Construction : EPC) เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาได้ผู้รับเหมาครบทั้ง 4 โซน ระยะทางรวม 2,450 กม. มูลค่าโครงการ 20,000 ล้านบาทแล้ว แบ่งเป็นโซนที่ 1 กรุงเทพเหนือ 16 เขต 620 กม. มีกิจการร่วมค้า เอสซีแอล, เอสทีซี และฟอสส์เป็นผู้ได้รับการคัดเลือก
- สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ซีอีโอ “เอไอเอส” สละโสดในวัย 62 ปี
- กองทุนประกันวินาศภัยถังแตก แจ้งชะลอจ่ายคืนหนี้ตั้งแต่ มี.ค.2567
- เรือชนสะพานถล่มในสหรัฐ กระทบเศรษฐกิจ การขนส่งสินค้าเป็นอัมพาต
โซนที่ 2 กรุงเทพตะวันออก 14 เขต ระยะทาง 605 กม. มีกิจการร่วมค้า เอดับบลิวดี เป็นผู้ได้รับการคัดเลือก โซนที่ 3 กรุงธนเหนือ 15 เขต ระยะทาง 605 กม. มีกิจการร่วมค้า จีเคอี แอนด์ เอฟอีซี เป็นผู้ได้รับการคัดเลือก และโซนที่ 4 กรุงธนใต้ 18 เขต ระยะทาง 620 กม. มีกิจการร่วมค้า เอสซีแอล, เอสทีซี และฟอสส์ เป็นผู้ได้รับการคัดเลือก
“การหาเอกชนมาดำเนินการไม่ได้ปิดกั้นรายอื่นๆ ด้วย เพราะได้แบ่งความจุออกไปแล้ว 80% ให้กับเอกชนที่ได้รับคัดเลือก ส่วนอีก 20% จะเปิดไว้รองรับรายอื่นๆ เป็นรายย่อย ซึ่งการคิดราคาไม่ได้คิดกำไร แต่เป็นการคิดจากต้นทุนที่จะเกิดขึ้นทั้งหมดโดยอยู่ภายใต้ข้อกำหนดของ กสทช. ทั้งนี้ยังเป็นการสนองนโยบายของรัฐที่สามารถใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกันได้ โดยการศึกษาคาดว่าจะมีผู้ใช้บริการจริงไม่เกิน 10 ราย โดย 1 เส้นรองรับได้มากถึง 216 แกนจึงรองรับได้อย่างเพียงพอ ส่วนการก่อสร้างจะใช้เทคนิคแบบ HDD (ขุดเจาะลากท่อ) ทำให้ประชาชนที่ใช้ทางเท้าถูกกระทบน้อยที่สุด”
ด้านนายเอกรินทร์กล่าวว่า ในส่วนของกระแสข่าวที่ว่า บจ.ทรูอินเทอร์เน็ต คอร์ปอเรชั่น ได้สัมปทานบริหารท่อร้อยสาย 30 ปีก็ไม่เป็นความจริง เพราะทรูเป็นเพียงผู้ใช้บริการท่อเท่านั้น ตัวท่อและทรัพย์สินอื่นเป็นของเคทีเหมือนเดิม ส่วนระยะเวลา 30 ปี เป็นระยะเวลาที่ให้ทรูใช้ท่อนี้ได้ ไม่ได้ยกให้บริหารแต่อย่างใด
โดยการหาตัวเอกชนผู้จะมาใช้บริการนั้น เมื่อวางท่อ EPC แล้ว ก็ต้องเปิดประกวดราคาหาผู้ใช้บริการความจุส่วนใหญ่ โดยกระบวนการสรรหาผู้ใช้บริการหลักนั้นได้เปิดให้ลงชื่อแสดงเจตจำนงในการยื่นข้อเสนอใช้บริการโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคม จำนวน 9 ราย
อีกทั้งเคทียังได้ส่งหนังสือเชิญชวนผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมที่มีโครงข่ายเป็นของตนเอง จำนวน 16 ราย รวมเป็น 25 ราย ปรากฎว่ามีผู้รับเอกสารเชิญชวน 16 ราย แต่มีเพียง 1 รายที่ยื่นข้อเสนอ คือ บจ.ทรู อินเตอร์เน็ต คอร์ปอเรชั่น และผ่านเกณฑ์คัดเลือกตามมาตรฐานที่กำหนดเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา
“ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการเจรจาเรื่องราคา ยังไม่ได้ลงนามสัญญาใดๆ ยืนยันว่ารูปแบบดำเนินโครงการไม่เข้าหลักเกณฑ์ พ.ร.บ.ร่วมทุน 2562 และเป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม ไม่ได้มีการให้สัมปทาน หรือมีการโอนสิทธิ์แต่อย่างใด”
สำหรับผู้ที่จะมาเช่าช่วงต่อกับ บจ.ทรู ก็สามารถรวมกลุ่มมาได้ ไม่จำเป็นต้องมารายเดียว ส่วนค่าเช่าท่อ ยังไม่ได้ประกาศออกมา เพราะอยู่ระหว่างหารือกับ กสทช.เรื่องการกำหนดราคาที่เหมาะสม ทางทรูจะต้องจัดเก็บตามอัตราค่าเช่าที่ กสทช.กับเคทีจะประกาศออกมา
“ยืนยันว่าจะไม่มีการผูกขาดอย่างแน่นอน เพราะการดำเนินงานเป็นการทำตามกฎหมายของ กสทช.เป็นหลักอยู่แล้ว อีกทั้งท่อเดิมของ บมจ.ทีโอที และ บมจ.กสท โทรคมนาคม (แคท) มีใช้งานอยู่แล้ว กทม.ไม่ไปยุ่ง สามารถใช้งานต่อได้ แต่ไม่ให้ขยายโครงข่ายเท่านั้น”
ส่วนกรณีตัวเลขค่าบริการสูงถึง 21,000-27,000 บาท/ซับดัก/กม./เดือนนั้น นายเอกรินทร์กล่าวว่า ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดอัตราค่าบริการแต่อย่างใด เนื่องจากการกำหนดราคาขึ้นอยู่กับ กสทช.
“เคทีและผู้ใช้บริการหลักไม่อาจเรียกเก็บค่าบริการจากผู้ใช้บริการรายอื่นเกินกว่าอัตราที่ กสทช. กำกับและกำหนดได้ ดังนั้น ประเด็นราคาค่าบริการโครงข่ายท่อร้อยสายของเคทีจะแพงกว่าผู้ประกอบการรายอื่นถึง 3 เท่านั้นจึงไม่เป็นความจริง”