คมนาคมเปิดนโนบาย 1 เดือน 3 เดือน 3 ปี ลดแน่ค่ารถไฟฟ้า-ทางด่วน-มอเตอร์เวย์-โทลล์เวย์สปีดความเร็วรถ 120 กม./ชม.
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันที่ 30 ก.ค. 2562 ได้แบ่งความรับผิดชอบกำกับดูแลหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการจะกำกับดูแลทางน้ำ ได้แก่ กรมเจ้าท่า(จท.)กับการท่าเรือแห่งประเทศ(กทท.) ส่วนนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการจะดูทางอากาศ ได้แก่ กรมท่าอากาศยาน(ทย.) สถาบันการบินพลเรือน(สบพ.) บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด(บวท.) บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) บริษัท โรงแรมท่อากาศยานสุวรรณภูมิ จำกัด(รทส.) บริษัท ไทย-อะมาดิอุส เชาท์อีสต์ เอเชีย จำกัด(ทอส.)และบริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด (บทม.)
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ส่วนทางบกและทางราง และหน่วยงานที่เหลือผมจะเป็นผู้กำกับดูแล ได้แก่ กรมทางหลวง(ทล.) กรมทางหลวงชนบท(ทช.) กรมการขนส่งทางบก(ขบ.) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) บริษัท ขนส่ง จำกัด(บขส.) องค์การขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(ขสมก.) สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) กรมการขนส่งทางราง สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.) การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด(รฟฟท.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน)หรือทอท.
นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ได้มอบนโยบายให้ผู้บริหารกระทรวงอย่างเป็นทางการ ได้เน้นนโยบายทุกด้านที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและการพัฒนาประเทศชาติ ให้ประชาชนได้รับความสะดวก สบาย ปลอดภัย ประหยัด ยกระดับคุณภาพชีวิต แก้ปัญหาภาระค่าครองชีพ ลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน โดยไม่เป็นภาระงบประมาณให้รัฐบาล
โดยการบริหารจัดการทรัพยากรที่มีให้เกิดประโยชน์เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งทุกโครงการของกระทรวงคมนาคม ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยนโยบายจะเร่งให้เห็นผลใน 1 เดือน ใน 3 เดือน และใน 3 ปี
สำหรับนโยบายเร่งด่วน ได้แก่ 1. การแก้ไขปัญหาโครงการก่อสร้างล่าช้า ไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนด ก่อให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน เน้นทำงานแบบบูรณาการทุกภาคส่วน อยู่ภายใต้พื้นฐานกรอบงบประมาณ จะไม่ให้เกิดเรื่องแบบโครงการปรับปรุงถนนพระราม 2
2. การแก้ไขปัญหามลภาวะ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จากรถบรรทุก รถโดยสารสาธารณะ โดยเข้มงวดการตรวจสอบสภาพรถให้เป็นไปตามกฎหมาย จะปรับเวลารถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไปเข้าพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลให้วิ่งหลัง24.00-04.00 น. ให้สอดคล้องกับสภาพการจราจรและการใช้รถใช้ถนนของประชาชนในปัจจุบัน
3.กำหนดอัตราความเร็วถนน 4 ช่องทางจราจรขึ้นไป ให้ใช้อัตราความเร็วได้ไม่เกิน 120กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อระบายการจราจรให้คล่องตัวยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อมูล และนำเสนอแผนการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนทั้ง 4 เรื่อง ให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน
นโยบายสร้างทางเลือกใหม่ เช่น ให้บริการรถรับจ้างโดยสารสาธารณะผ่านแอพพลิเคชั่น และกำหนดแนวทาง มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการรถ TAXI รูปแบบเดิม ให้กรมการขนส่งทางบกศึกษารูปแบบ เงื่อนไขการอนุญาตบริการรถรับจ้าง ผ่านแอพพลิเคชั่นที่ถูกต้องตามกฎหมายให้บริการประชาชน ศึกษาและกำหนดมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ TAXI ในปัจจุบัน ให้มีการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษา และนำเสนอแผนงาน พร้อมแนวทางปฏิบัติภายใน 3 เดือน
นโยบายการพัฒนาคุณภาพการให้บริการประชาชน ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล จะศึกษาจัดทำแผนใช้บัตรโดยสารเชื่อมโยงรถไฟฟ้าทุกระบบและทำแผนแก้ปัญหาด่านเก็บเงินทางด่วนและมอเตอร์เวย์ ให้รถผ่านด่านเก็บเงินได้อย่างรวดเร็วและลดแออัดหน้าด่าน
ด้านนโยบายลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน ได้แก่ พัฒนาการให้บริการรถโดยสารประจำทาง ขสมก. และรถร่วมโดยสารประจำทาง ให้เป็นรถโดยสารปรับอากาศทั้งระบบ และจัดเก็บค่าโดยสารเป็นระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์(E–Ticket) ระบบตั๋วร่วม ,ศึกษาแนวทางปรับลดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า โดยไม่มีผลกระทบต่อสัญญา ,ศึกษาแนวทางปรับลดค่าผ่านทางด่วน มอเตอร์เวย์และโทลล์เวย์ โดยไม่มีผลกระทบต่อสัญญา ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาแนวทาง นำเสนอแผนงาน แนวทางปฏิบัติ ภายใน 1 เดือน
พัฒนาการคมนาคมขนส่งทางราง ภายใน 3 ปีนี้จะพัฒนารถไฟทางคู่เพื่อเพิ่มการขนส่งระบบรางให้เป็น 30% สนับสนุนภาคเอกชนเป็นผู้ร่วมให้บริการเดินรถ ,พัฒนาการคมนาคมขนส่งทางน้ำ ให้เป็นการเดินทางและการขนส่งทางเลือกในกรุงเทพฯและปริมณฑลเชื่อมโยงขนส่งระบบอื่น ๆ และพัฒนาการขนส่งทางน้ำจากท่าเรือบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไปท่าเรือแหลมฉบัง ลดรถบรรทุกวิ่งจากภาคใต้
พัฒนาการคมนาคมขนส่งทางอากาศ ภายใน 3 ปีนี้ จะเพิ่มศักยภาพสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง และสนามบินภูมิภาค ให้รองรับผู้โดยสารได้ไม่น้อยกว่า 150 ล้านคน ,สนับสนุนสายการบินต้นทุนต่ำ (Low Cost Airline) ให้บริการในภูมิภาคเพิ่มขึ้น และเป็นไปมาตรฐานสากล
นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำให้ทำโครงการก่อสร้างใช้หลักการ Thai First คือ ไทยทำ ไทยใช้ คนไทยต้องได้ก่อน , ใช้วัสดุทดแทนที่ผลิตจากยางพารา ในโครงการต่าง ๆ เช่น หลักเขตบอกทาง หมอนรางรถไฟ เป็นต้น เพื่อยกระดับราคายางพารา แก้ปัญหารายได้ของเกษตรกรชาวสวนยางและส่งเสริมให้สนามบินภูมิภาคเป็นศูนย์กลางรวบรวมผลผลิต และกระจายสินค้าเกษตรออกสู่ตลาด