“บีทีเอส” เดินหน้าไม่หยุดเสริมรถไฟฟ้าใหม่เข้าสู่ระบบ79ขบวน ทะลวงคอขวดสะพานตากสิน

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)หรือ BTSC เปิดเผยว่า ตั้งแต่เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2542 บีทีเอสเพิ่มจำนวนขบวนรถไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดรถไฟฟ้าขบวนใหม่ที่บีทีเอสได้สั่งซื้อล็อตใหญ่รวม 46 ขบวนเมื่อปี 2559 ขณะนี้ทยอยรับมอบเข้ามาแล้ว 27 ขบวน ทำให้ปัจจุบันเดือนสิงหาคม 2562 บีทีเอสมีขบวนรถในระบบรวมแล้วทั้งสิ้น 79 ขบวน เพิ่มขึ้นจาก 52 ขบวน ในปีที่ผ่านมาก่อนเริ่มทยอยรับมอบ

เมื่อรับมอบรถไฟฟ้าขบวนใหม่ครบถ้วนภายในปี 2563 แล้ว จะทำให้บีทีเอสมีรถไฟฟ้าออกให้บริการมากถึง 98 ขบวน เป็นความสะดวกสบายที่บีทีเอสตั้งใจมอบให้กับผู้โดยสารและประชาชนทุกคน

​“ในปี 2542 ที่เปิดให้บริการครั้งแรก บีทีเอสมีขบวนรถให้บริการ 35 ขบวน และได้สั่งซื้อขบวนรถเพิ่มอย่างต่อเนื่อง 3 ครั้ง รวม 4 ล็อต โดยสั่งซื้อเพิ่มครั้งแรกในปี 2548 จำนวน 12 ขบวน ครั้งที่สอง ในปี 2554 จำนวน 5 ขบวน และครั้งที่สาม ในปี 2559 จำนวน 46 ขบวน นอกจากเพิ่มจำนวนขบวนรถ บีทีเอสยังเพิ่มตู้โดยสารขบวนรถจาก 3 ตู้โดยสารต่อขบวน เมื่อเริ่มให้บริการในปี 2542 เพิ่มมาเป็น 4 ตู้โดยสารต่อขบวน และเมื่อมีขบวนรถครบถ้วน 98 ขบวน จะมีตู้โดยสาร 392 ตู้ เพิ่มจาก 35 ขบวน 105 ตู้โดยสาร เมื่อเริ่มให้บริการ”

​นายสุรพงษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า จำนวนรถไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น จะช่วยให้การเดินรถมีความถี่สูงสุดได้ในชั่วโมงเร่งด่วน แม้จะมีการขยายเส้นทาง และจำนวนสถานีที่ให้บริการเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันบีทีเอสให้บริการรวม 44 สถานี ทั้งในสายสีลมและสายสุขุมวิท มีความถี่การเดินรถสูงสุดในชั่วโมงเร่งด่วน เช้าและเย็น ในสายสุขุมวิท (สถานีห้าแยกลาดพร้าว – สถานีสำโรง) ที่ 2.40 นาทีต่อขบวน และในสายสีลม 3.45 นาทีต่อขบวน

​“สายสีลมมีข้อจำกัด ช่วงคอขวดสถานีสะพานตากสินเป็นทางเดี่ยว ขบวนรถไฟฟ้าวิ่งได้ทีละขบวน วิ่งสวนกันไม่ได้ จึงต้องจอดคอยเพื่อสลับกันวิ่ง สายสีลมจึงไม่อาจทำความถี่สูงสุดได้มากเท่าสายสุขุมวิท ขณะนี้บีทีเอสอยู่ระหว่างการขออนุมัติใช้พื้นที่ เพื่อปรับปรุงขยายสถานีให้รถไฟฟ้าวิ่งสวนกันได้จากกรมทางหลวงชนบท หน่วยงานเจ้าของพื้นที่ รวมทั้งได้จัดทำและเสนอรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เพื่อขอดำเนินการปรับปรุงขยายสถานีดังกล่าวต่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วยแล้ว หากดำเนินการแล้วเสร็จจะทำให้ความถี่ในสายสีลมเพิ่มมากขึ้น เป็นความสะดวกสบายแก่ประชาชนที่มากขึ้น”