นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การจัดตั้งจุดตรวจรถโดยสารสาธารณะ (Checking Point) ทุกๆระยะ 90 กม. ที่ได้ให้นโยบายกับกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) เพื่อลดอุบัติเหตุและการสูญเสียให้เป็น 0%
ซึ่ง ขบ.ได้ดำเนินการมาแล้ว 1 สัปดาห์ (16-20 ก.ย.) สามารถตั้งจุด Checking Point ได้แล้ว 163 จุดจากเป้าหมาย 245 จุด พบว่าสถิติอุบัติเหตุทั่วประเทศลดลงจากช่วง 16-20 ก.ย. โดยตรวจสอบไปแล้ว 53,411 คัน เป็นรถสาธารณะ 50,513 คัน รถโดยสารไม่ประจำทาง (เช่าเหมา) 2,898 คัน (บัสชั้นเดียว 17,855 คัน/ บัสสองชั้น 6,945 คัน/รถตู้ 26,874 คัน/สองแถว 1,737 คัน) พบข้อบกพร่อง 344 คัน
การตรวจสอบมีทั้งการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในลมหายใจ ใบอนุญาตขับขี่รถสาธารณะ และชั่วโมงทำงานของพนักงานขับรถ ส่วนรถโดยสารสาธารณะจะทำการตรวจหลายรายการ เช่น ยางล้อรถ ระบบไฟสัญญาณ กระจก ถังดับเพลิง ค้อนทุบกระจก และระบบ GPS เป็นต้น
สำหรับอุปสรรคของการ Checking Point คือเรื่องกำลังคนที่มีไม่เพียงพอกับการทำงานควง 3 กะ 24 ชม. เพราะปัจจุบันจุดๆหนึ่งจะใช้คนประจำกะละ4 คน ทำให้ต้องใช้คนประจำจุด Checking Point จุดละ 12 คน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้มีผู้ปฏิบัติการประจำจุดไม่เพียงพอ จึงให้ ขบ. ไปจัดจ้างพนักงานเพิ่มโดยให้ใช้งบฯดำเนินการที่ให้ไว้ 77 ล้านบาทไปก่อน
“ส่วน Checking Point ที่ยังต้องตั้งอีก 82 จุด กำลังอยู่ระหว่างติดต่อเอกชนที่ดำเนินการสถานีบริการน้ำมัน เพื่อขอติดตั้งเพิ่มเติม โดยในสัปดาห์หน้า บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จะเข้าพบ ก็จะนำเรื่องนี้เข้าหารือด้วย”
นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ด้านมาตรการตรวจรถตรวจคน ในเดือนก.ย.นี้ตั้งเป้าตรวจให้ได้ 10% นับถึงวันที่ 20 ก.ย. แบ่งเป็นตรวจความพร้อมของผู้ขับขี่จำนวน 21,782 คน ผ่านการตรวจสอบ 21,767 คน ไม่ผ่าน 15 คน
ส่วนการตรวจรถทั้งหมด 15,524 คัน ผ่านการตรวจสอบ 13,419 คัน ไม่ผ่าน 2,015 คัน โดยการตรวจสอบแต่ละครั้งจะใช้เวลา 3 นาที แต่เนื่องจากต้องตรวจทุกระยะ 90 กม. ทำให้การเดินทางที่ทำเวลา 3-4 ชม.อาจจะล่าช้าออกไปอย่างมากครึ่งชั่วโมง
จึงขอให้ประชาชนที่เดินทางเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นการทำหน้าที่ให้ประชาชนได้เดินทางด้วยความปลอดภัย ส่วนคนและรถที่ไม่ผ่านการประเมินจะให้ปรับปรุงและกลับมาตรวจสอบอีกครั้งภายใน 15 วัน