เลื่อนอีกครั้ง! อีก10วัน ลงนามไฮสปีดเชื่อม3สนามบิน “ศักดิ์สยาม”ขีดเส้นตาย25ต.ค.62

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 8 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (คค.) ระบุถึงโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) รวมระยะทาง 220 กิโลเมตร (กม.) มูลค่า 2.2 แสนล้านบาท โดยกลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (กลุ่ม CPH) เป็นผู้เสนอราคามาในอันดับ 1 ซึ่ง นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.) ขอให้รัฐบาลร่วมรับความเสี่ยงกับภาคเอกชนในการลงทุนด้วยนั้น ว่า เป็นสิทธิในการแสดงความคิดเห็นของท่าน แต่รัฐบาลก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย และเงื่อนไขที่กำหนดในเอกสารคัดเลือกเอกชน (Request for Propasa : RFP) ซึ่งได้พูดถึงไว้ในข้อ 50.1 บอกว่า ผู้ยื่นเสนอจะต้องรับภาระความเสี่ยง แต่เรื่องนี้คงไม่ใช่ปัญหา

“ท่าน (ธนินท์) สามารถแสดงความคิดเห็นได้ อะไรที่รัฐบาลจะสามารถทำให้ผู้ประกวดราคา ดำเนินการได้ตามกฎหมาย และตาม RFP แล้ว เรายินดีจะทำ ไม่มีอะไรมากกว่านี้ ดังนั้น ต้องช่วยกันดูว่ามีอะไรที่รัฐบาลยังไม่ได้ทำ เช่น การส่งมอบพื้นที่ เป็นต้น โดยขณะนี้รัฐบาลได้ตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว ซึ่งขณะนี้สามารถส่งมอบพื้นที่ได้ประมาณร้อยละ 72 เหลือร้อยละ 28 ที่รอดูการย้ายสาธารณูปโภค และการบุกรุก”

นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ทั้งนี้ ในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการ ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและตนเป็นรองประธาน รวมถึงปลัดกระทรวงที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ก็คงมีการดำเนินการ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะโครงการนี้ เนื่องจากในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (อีอีซี) มีหลายโครงการย่อยอยู่ในนั้น เพื่อจะดูว่าจะทำอย่างไรให้ดำเนินการตามบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งนี้ ในพื้นที่ร้อยละ 72 นั้น ทางผู้ชนะการประกวดราคา ซึ่งเป็นคู่สัญญา คงต้องใช้เวลาในการเคลียร์เรื่องส่งมอบพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี

“ผมจึงคิดว่าทุกอย่างจะทันตามกรอบเวลา เนื่องจากหลังจากที่คณะอนุกรรมการมีการประชุม จะได้ดูว่าส่วนรัฐวิสาหกิจต่างๆ ที่มีสาธารณูปโภคอยู่ในโครงการ เขามีแผนการอย่างไร หากไม่สามารถดำเนินการได้ทัน จะเปิดให้มีการขยายเวลาได้อยู่แล้ว และไม่มีเบี้ยปรับ ถือเป็นหลักปกติในการปฏิบัติงาน”

เมื่อถามว่าประชาชนสามารถมั่นใจได้เต็มที่ว่าโครงการดังกล่าวจะเดินหน้า นายศักดิ์สยามกล่าวว่า โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีบัญชาว่าเรื่องนี้ต้องเดินหน้า เพราะจะเกิดประโยชน์แก่ประเทศไทย และต้องพูดเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา และโปร่งใส อะไรที่รัฐดำเนินการถูกต้องแล้วต้องทำต่อไป ส่วนอะไรที่ภาคเอกชนสงสัย เราจะอธิบายให้ฟัง และช่วยกันเพื่อให้โครงการนี้เดินหน้าได้

เมื่อถามว่าจะมีการขยายกำหนดการลงนามในวันที่ 15 ตุลาคมนี้หรือไม่ นายศักดิ์สยามกล่าวว่า เรื่องการลงนามนั้น คณะกรรมการคัดเลือกโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ก็บอกไปเรียบร้อยแล้ว ว่าเขาเจรจาตามกรอบ RFP ครบถ้วนแล้ว ขณะนี้จะต้องเลื่อนออกไปอีก 10 วัน เนื่องจากบอร์ดรถไฟ (รฟท.) ได้ลาออกทั้งคณะ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อไปดูในวาระการพิจารณา กลับพบว่าบอร์ด รฟท. ยังไม่ได้มีการประชุมเรื่องนี้ จึงไม่สามารถนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ จึงต้องมีการแต่งตั้งบอร์ดรฟท.ชุดใหม่ขึ้นมาก่อน ขณะเดียวกัน ได้เรียนให้นายกรัฐมนตรีทราบแล้ว พร้อมมีบัญชาให้รีบดำเนินการ ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) อยู่ระหว่างเสนอชื่อบอร์ด รฟท. ชุดใหม่ และจะส่งกลับไปกระทรวงคมนาคม พิจารณาภายในสัปดาห์นี้ ก่อนตนจะนำเข้าสู่ ครม.พิจารณาในวันที่ 15 ตุลาคมนี้

เมื่อถามอีกว่า การแต่งตั้งบอร์ดใหม่จะกระทบในการเดินหน้าโครงการหรือไม่นั้น นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ตนคิดว่าไม่ส่งกระทบ เพราะเป็นขั้นตอนตามกฎหมายที่ต้องดำเนินการตาม RFP ในข้อ 63 ระบุชัดเจนว่า กฎหมายที่ต้องดำเนินการ นอกจากพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ก็ต้องมีกฎหมายไทยเองที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายรถไฟ ส่วนการยืดระยะเวลาลงนาม ออกไปอีก 10 วัน ยืนยันไม่ผลกระทบ เพราะการยื่นราคาของผู้เสนอราคา เปิดให้ยื่นเสนอราคาได้จนถึงวันที่ 7 พฤศจิกายน

“สำหรับการลาออกของบอร์ด รฟท. เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดถึงว่าจะมีการลาออก เพราะคณะกรรมการคัดเลือก เพิ่งจะมีการประชุมเมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา และวันที่ 30 กันยายน ได้ออกหนังสือแจ้งการลงนามให้แก่ผู้ชนะประกวดราคา ต่อมาเวลา 11.00 น. วันที่ 1 ตุลาคม เมื่อผู้ชนะการประกวดราคามารับหนังสือ ปรากฎว่าบอร์ด รฟท.กลับลาออกในวันเดียวกัน เราจึงต้องดำเนินการต่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่หากไม่มีบอร์ด รฟท. เราก็ไม่สามารถนำเรื่องนี้ให้ ครม.รับทราบได้” นายศักดิ์สยามกล่าว

เมื่อถามถึงสาเหตุการลาออกของบอร์ด รฟท. ในช่วงที่จะมีการลงนามสัญญา นายศักดิ์สยามกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถามบอร์ด เพราะตนพยายามยับยั้งแล้ว

เมื่อถามอีกว่าการขยายเวลา 10 วันนั้น แม้ตามสัญญาเดิมระบุให้ส่งมอบพื้นที่ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 แต่ล่าสุดทางภาคเอกชนที่ได้รับงานขอให้ส่งมอบพื้นที่ร้อยละ 100 นั้นก่อนการลงนาม นายศักดิ์สยามกล่าวว่า จะต้องไปดูในเงื่อนไข RFP ว่าระบุว่าอย่างไร ซึ่งคิดว่าคณะกรรมการคัดเลือก ได้ดูเรียบร้อยแล้วว่าการส่งมอบพื้นที่อยู่ในแผนอย่างไร ซึ่งทางคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษญกิจพิเศษภาคตะวันออก (บอร์ดอีอีซี) ได้ตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อศึกษารายละเอียดไปพร้อมกัน ขอให้อย่ากังวล เรื่องนี้ต้องเร่งรัด เพราะสำคัญกับประเทศมาก

ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการคัดเลือกยังอยู่ระหว่างการจัดทำหนังสือไปแจ้งบริษัท ในการลงนามสัญญาใหม่อีกครั้ง เดิมกำหนดวันที่ 24 ตุลาคม แต่เนื่องจากเป็นวันสำคัญ จึงกำหนดให้เป็นวันที่ 25 ตุลาคมนี้

“คิดว่าการขยายเวลา กลับมีเวลาให้ทางภาคเอกชนได้ตรวจสอบเรื่องเอกสารให้เรียบร้อยครบถ้วน อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าการส่งมอบพื้นที่ร้อยละ 72 นั้น เรียนว่ามีความพร้อมในการส่งมอบพื้นที่อยู่แล้ว ไม่ใช่แค่พร้อม แต่ยังรวมถึงจะมีนำแผนที่การก่อสร้างทั้งหมดในร้อยละ 72 นั้นอยู่บริเวณใดบ้าง ในที่ประชุมคณะอนุกรรมการวันที่ 10 ตุลาคมนี้” นายศักดิ์สยาม กล่าวและว่า สำหรับโครงการดังกล่าว จะใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 5 ปี บวกเวลาในการมอบพื้นที่ รวมเป็น 6 ปี จึงมีเวลาพอ โดยคิดว่าจะบริหารเรื่องนี้ โดยจะใช้หลักเดิมที่กระทรวงคมนาคมเคยบริหารในการก่อสร้างโครงการมอเตอร์เวย์สายใต้ ซึ่งขณะนั้นได้รับเงินจากไจก้า ก็สามารถเอามิติปัญหา 7 เรื่องของตนมาดำเนินการ จึงคิดว่าน่าโครงการจะดำเนินการได้

นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ในวันที่ 15 ตุลาคม จะมีการนำเรื่องโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงไทย-จีน เข้าสู่ครม.ด้วยให้พิจารณาเห็นชอบงานสัญญา 2.3 (งานระบบ) มูลค่าประมาณ 5 หมื่นล้านบาท เพราะเรื่องนี้จะนำเข้าสู่ในที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 อีกด้วย