บาทแข็ง+หยวนอ่อนทุบคอนโด ดันราคาแพงขึ้น20% ‘ลูกค้าจีน’หยุดซื้อ

แฟ้มภาพ

ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯชี้ผลกระทบ “ค่าเงินบาทแข็ง+เงินหยวนอ่อน” กระทบบ้าน-คอนโดฯไทยแพงขึ้น 20% เอฟเฟ็กต์ลูกค้าจีนหายไปครึ่งหนึ่ง

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) เปิดเผยถึงสถานการณ์โอนกรรมสิทธิ์ของคนต่างด้าวพบว่า 9 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 9,427 ยูนิต เทียบกับปี 2561 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.8% แต่ในแง่มูลค่าพบว่า ลดลง 5.8% จากมูลค่าโอน 9 เดือนแรกปีที่ผ่านมา 38,214 ล้านบาท ช่วงปีนี้ลดลงเหลือ 35,987 ล้านบาท

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC)

โดยสัดส่วนการโอนห้องชุดของคนต่างด้าวอยู่ในเขตกรุงเทพฯ 51% ที่เหลืออยู่ในต่างจังหวัด สำหรับพฤติกรรมการซื้อ พบว่า “ลูกค้าจีน” นิยมซื้อในอสังหาฯในกรุงเทพฯกับชลบุรีมากสุด, “รัสเซีย” ซื้อในชลบุรี ภูเก็ต โดยกรุงเทพฯมีสัดส่วนเล็กน้อย

ทั้งนี้ ในส่วนของจังหวัดภูเก็ต พบว่าจำนวนยูนิตการโอนเพียง 15% ของตลาดรวม แต่มูลค่าคิดเป็นสัดส่วน 30% ของตลาดรวม สะท้อนราคาต่อหน่วยแพงขึ้น

ขณะที่ภาคตะวันออกที่ต่างชาตินิยมซื้ออยู่ที่จังหวัดชลบุรี, ภาคกลางอยู่ที่ อยุธยา สระบุรี, ภาคอีสาน โคราช,
อุดรฯ, บุรีรัมย์, ภาคตะวันตกที่หัวหินกับชะอำ และภาคใต้ที่ภูเก็ต ซึ่งมีสัดส่วนถึง 91-92%

ดร.วิชัยกล่าวว่า กลุ่มลูกค้าจีนหายไปเยอะ ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ขณะที่ยังไม่มีกลุ่มลูกค้าชาติอื่นมาทดแทน เพราะผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็ง บวกค่าเงินหยวนอ่อน ทำให้ลูกค้าจีนต้องซื้ออสังหาฯไทยแพงขึ้น 20%

“แนวโน้มการโอนอสังหาฯของลูกค้าต่างชาติไตรมาส 4/62 คาดว่าจะไม่แตกต่างจากปีที่แล้ว และภาพรวมยอดโอนปีนี้ก็น่าจะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว เพราะจำนวนยูนิตที่สร้างเสร็จพร้อมโอนในภาพรวมมากกว่าปี’61 เพียง 200 ยูนิตเท่านั้น โดยเฉลี่ยคนต่างชาติซื้อปีละ 1.3 หมื่นหน่วย มูลค่าโอนรวม 5.5 หมื่นล้าน บวกลบ” ดร.วิชัยกล่าวและว่า

อย่างไรก็ตาม สถิติธุรกรรมเงินโอนของลูกค้าต่างชาติเพื่อซื้ออสังหาฯไทยของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ระบุว่า ปี 2560 มีเงินโอนข้ามประเทศ 70,000 ล้านบาท ปี 2561 เงินโอน 90,000 ล้านบาท เนื่องจากมีการนับรวมเงินดาวน์ 30% ด้วย ขณะที่ตัวเลข REIC นำมาจากการโอนกับกรมที่ดิน เพราะฉะนั้น ทิศทางสถิติจะใกล้เคียงกัน