คมนาคมชง ครม.ยืดสัมปทาน BEM 15 ปี 8 เดือน ปิด “ซูเปอร์ดีล” แลกยุติข้อพิพาท

คมนาคมชง ครม.ยืดสัมปทาน BEM 15 ปี 8 เดือน ปิด “ซูเปอร์ดีล” แลกยุติข้อพิพาท-ขึ้นทางด่วนฟรีวันหยุดนักขัตฤกษ์

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันที่ 24 ธ.ค.นี้จะเสนอผลการเจรจายุติข้อพิพาททางด่วนกับ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) มีการฟ้องร้องต่อกัน จำนวน 17 คดี แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ เรื่องทางแข่งขัน ปรับค่าผ่านทาง และคดีทั่วไป คิดเป็นมูลค่าหนี้ที่ปรับลดแล้ว 58,873 ล้านบาท ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ

หลังจากคณะทำงานแก้ไขข้อพิพาทที่ตนเป็นประธาน ได้วิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบคอบแล้ว เช่น ที่มาที่ไปของมูลค่าหนี้ข้อพิพาท ตัวเลขปริมาณการจราจรของโทลล์เวย์ในช่วงปี 2541 ที่เป็นข้อพิพาทด้านทางแข่งขัน มีสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เป็นตัวกลางในการวิเคราะห์ข้อมูล ตามที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มอบนโยบายให้ทบทวนหลังคณะกรรมการ (บอร์ด) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้เสนอแนวทางให้กระทรวงให้พิจารณา

สุดท้ายได้ข้อยุติ 4 ข้อ คือ 1.ทั้ง 2 ฝ่ายยืนยันจะยุติข้อพิพาทที่มีต่อกันทั้งหมด 2.ทาง BEM ไม่ขัดข้องแนวทางการยุติข้อพิพาท จะตัดการลงทุนโครงการทางด่วนชั้นที่ 2 ช่วงประประชาชื่น-พระราม 9 หรือ Double Deck ระยะทาง 17 กม. วงเงินลงทุนประมาณ 30,000 ล้านบาทออก เพราะไม่ใช่เป็นโครงการในข้อพิพาท และยังเป็นโครงกานในอนาคตยังไม่มีการศึกษาและต้องใช้เวลาดำเนินการ 2 ปี ในการทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) อีกทั้งยังไม่แน่ใจว่าจะได้รับการอนุมัติหรือไม่

3.จะขยายสัญญาสัมปทานให้ BEM จำนวน 3 โครงการ จะหมดพร้อมกันในวันที่ 31 ต.ค.2578 ได้แก่ 1.สัญญาทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน A B และ C จะต่อระยะเวลา 15 ปี 8 เดือนเป็นหลักจากเดิมจะสิ้นสุดวันที่ 29 ก.พ.2563 2.ขยายสัญญาทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน D เป็นระยะเวลา 8 ปี 6 เดือน จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 22 เม.ย.2570 และ 3.ขยายสัญญาทางด่วนบางปะอิน – ปากเกร็ดเป็นระยะเวลา 9 ปี 1 เดือน จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 27 ก.ย.2569 และ 4.ทาง BEM จะยกเว้นค่าผ่านทางช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ตามประกาศของสำนักนายกรัฐมนตรีตลอดอายุสัญญาสัมปทาน 15 ปี 8 เดือนให้ ซึ่งแต่ละปีจะมีวันหยุด 19 วัน/ปี

นอกจากนี้จะมีรายละเอียดอื่นๆ อีก เช่น จะปรับค่าผ่านทางทุก 10 ปีในอัตรา 10 บาท, กทพ.ยังคงมีส่วนแบ่งรายได้เท่าเดิม คือ 60% และ BEM 40%ตลอดอายุสัญญาสำหรับทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน A B และ C ส่วนทางด่วนส่วน D และบางปะอิน-ปากเกร็ด รายได้ 100% เป็นของ BEM, ทางบริษัทจะลงทุนก่อสร้างขึ้น-ลงเพื่อแก้ปัญหาการจราจร เช่น บริเวณสถานีกลางบางซื่อ จะยกเว้นค่าผ่านทางด่านอาจณรงค์ให้แบบปีต่อปี เป็นต้น

“เราประชุมและเจรจานอกรอบกับ BEM แล้ว ก็ได้ข้อสรุปอย่างที่ได้กล่าวมา คิดว่าเป็นข้อยุติที่ดีที่สุดและเป็นประโยชน์กับรัฐและประชาชน ถือเป็นซูปเปอร์ดีลเลยก็ว่าได้ เพราะหารือร่วมกันมาหลายครั้งแล้ว จนมาได้ข้อยุติเพื่อเสนอ ครม.” นายชัยวัฒน์กล่าวและว่า

หลังจากที่ ครม.ได้มีมติเห็นชอบแนวทางดังกล่าวแล้ว กระทรวงจะแจ้งให้ กทพ. เร่งเจรจากับ BEM และส่งผลการเจรจาเพื่อขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับฯ ตามมาตรา 43 และส่งร่างสัญญาที่จะแก้ไขให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจพิจารณา เพื่อดำเนินการแก้ไขสัญญาตามมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 ตามบทเฉพาะกาล มาตรา 68 ของพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ให้แล้วเสร็จก่อนที่สัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน A B และ C จะสิ้นสุดลงในวันที่ 29 ก.พ.2563

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า พอใจผลการเจรจาที่ออกมา หลังจากใช้เวลากว่า 4 เดือนในการตรวจสอบข้อมูลและตัวเลขต่างๆ รอบด้านแล้ว โดยจะขยายสัญญาสัมปทานให้ BEM เป็นระยะเวลา 15 ปี 8 เดือน เพื่อยุติข้อพิพาททั้งหมด นอกจากนี้ทางเอกชนยังยกเว้นค่าผ่านทางช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ให้ตลอด 15 ปี 8 เดือน หรือกว่า 300 วัน คิดเป็นวงเงินรายได้ที่หายไปประมาณ 10,000 ล้านบาท จะเสนอให้ ครม.อนุมัติวันที่ 24 ธ.ค.นี้

นายพงษ์สฤษดิ์ ตันติสุวณิชย์กุล กรรมการบริหาร บมจ.BEM กล่าวสั้นๆ กับ ”ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ระยะเวลา 15 ปี 8 เดือน เป็นตามผลการเจรจาแต่เดิมอยู่แล้ว ทั้งนี้ขอยังไม่พูดรายละเอียด รอผลการพิจารณาจาก ครม.ก่อน