“ศักดิ์สยาม” สั่ง “บินไทย-ไทยสมายล์” สแตนด์บาย บินตรงจีนไม่ละทิ้งคนไทยไว้ที่อู่ฮั่น

“คมนาคม” แจงยิบไม่นิ่งดูดายไวรัสโคโรน่า สั่ง”การบินไทย – ไทยสมายล์” สแตนด์บายอพยพชาวไทย เหลือรอ “บัวแก้ว” ประสาน “จีน” ขอเข้าประเทศ จับมือ “สาธารณสุข” ขนทีมแพทย์ร่วมด้วย ชี้ “ประยุทธ์” สั่งงานตลอดถึง 5 ทุ่ม

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมได้เตรียมความพร้อมในการรับมือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า (Novel Coronavirus) โดยสั่งการให้ บมจ.การบินไทย และบจ.ไทยสมายล์แอร์เวย์ จัดเตรียมเครื่องบินสำหรับอพยพประชาชนชาวไทที่อาศัยอยู่ในประเทศจีนแล้ว รอเพียงกระทรวงการต่างประเทศประสานกับทางการจีน เพื่อขอเข้าประเทศเท่านั้น

ขณะเดียวกัน ก็ได้รับทราบว่า นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม ประสานงานไปยัง นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อจัดเตรียมทีมแพทย์สำหรับเดินทางไปช่วยเหลือเบื้องต้นที่ประเทศจีนด้วย ส่วนสนามบินภายในประเทศได้จัดเตรียมพื้นที่ที่กำหนดกรณีที่เที่ยวบินจากประเทศจีนเดินทางมาถึงก่อนจะเข้ากรุงเทพฯ เพื่อทำการตรวจ

“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราต้องช่วยกันทุกภาคส่วน ไม่เฉพาะโคโรน่าแต่ไข้หวัดทุกประเภท ต้องรู้ว่าวิธีที่จะทำให้โรคไม่ติดต่อกันทำยังไงบ้าง เช่น อย่าใช้สิ่งของร่วมกัน, เมื่อเดินทางไปยังพื้นที่ที่เสี่ยง ต้องป้องกันตัวเองด้วยการใส่หน้ากากอนามัย, ทำร่างกายให้แข็งแรง คือ ต้องออกกำลังกาย และเมื่อพบว่าตนเองไม่สบาย ให้รีบพบแพทย์ อย่าวินิจฉัยเอง เพราะเมื่อป่วยแล้ว โรคนี้ไม่มียาที่รักษาโดยตรง แต่จะต้องรักษาตามอาการ”

นายศักดิ์สยามกล่าวต่อว่า ส่วนมาตรการของรัฐยืนยันว่าทำเต็มที่อยู่แล้ว การเข้าออกสนามบินทำอย่างเข้มงวดมา 3 ปีแล้ว ไม่ใช่แค่เวลานี้ เมื่อพบผู้โดยสารเดินทางจากประเทศที่มีปัญหา ก็จะกำหนดให้ไปอยู่ในโซนที่ทางเจ้าหน้าที่ได้เตรียมเครื่องมือสำหรับตรวจตราไว้ เช่น เครื่องวัดอุณหภูมิ และหากพบผู้ที่ต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อก็มีมาตรการคัดแยกรองรับไว้ แต่ไม่อยากทำให้ทุกอย่างดูตื่นตระหนกไปหมด อย่าไปมองว่า ไทยจะต้องมีมาตรการเข้มข้นเหมือนประเทศจีน เพราะไทยไม่ใช่ประเทศต้นทางการระบาด

ซึ่งเรื่องนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีสั่งการและกำกับด้วยตัวเอง แต่จะให้ถึงขนาดเดินเข้าไปรักษาคนไข้นั้นคงไม่ใช่ เพราะทุกอย่างต้องรายงานตรงถึงนายกฯ ตลอด เมื่อวานนี้ (26 ม.ค.) ท่านก็สั่งงานมาตั้งแต่ 19.00 น. กว่าจะคุยงานจบก็ 22.00 น. – 23.00 น. ยืนยันว่าไม่มีการละทิ้งใคร แต่เราต้องปฏิบัติตามขอบเขตอำนาจที่มี แต่เข้าใจอาจจะมีเรื่องของความรู้สึกบ้าง ซึ่งต้องทำความเข้าใจกันต่อไป