นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า วันที่ 12 ก.พ. 2563 ที่ประชุมบอร์ด รฟม.ได้พิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 2562 มีนายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข รองผู้ว่า รฟม. ด้านวิศวกรรมและก่อสร้าง เป็นประธาน
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- หุ้นกู้ออกใหม่ 12 บริษัทแห่ขายเดือน เม.ย.นี้ จ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 7.40%
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
เพื่อดำเนินการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุน PPP Net Cost ระยะเวลา 30 ปี ก่อสร้างสายสีส้มตะวันตกช่วงศูนย์วัฒนธรรม-บางขุนนนท์ และเดินรถตลอดสายบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ระยะทาง 35.9 กม. มูลค่าโครงการ 142,789 ล้านบาท หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติไปแล้วเมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2563 ที่ผ่านมา คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์นี้คณะกรรมการมาตรา 36 จะเริ่มประชุม
“ปรับแผนการประมูลของสายสีส้มให้เร็วขึ้นอีก 3 เดือน เนื่องจากเป็นโครงการเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องการนำมากระตุ้นระบบเศรษฐกิจของประเทศ คาดว่าจะเซ็นสัญญาโครงการได้ภายในเดือน พ.ย.นี้”
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ รฟม. กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายในเดือน เม.ย.จะประกาศเชิญชวนให้เอกชนเข้าร่วม PPP รถไฟฟ้าสายสีส้ม จะเปิดประมูลแบบนานาชาติ จำนวน 1 สัญญา จากนั้นให้เอกชนยืนข้อเสนอในเดือน ก.ค. และเจรจาเอกชนที่ชนะประมูลและเสนอให้ ครม.อนุม้ติภายในเดือน พ.ย. และเซ็นสัญญาภายในปี 2563 นี้ ส่วนการเวนคืนที่ดินอยู่ระหว่างร่าง พ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดินเพื่อเสนอ ครม.อนุม้ติ
“ปรับแผนประมูลให้เร็วขึ้น 3 เดือน อย่างที่ทราบว่าสภาพเศรษฐกิจในประเทศไม่ค่อยดี รวมถึงปัญหาไวรัสโคโรน่า และการท่องเที่ยวที่ซบเซา รัฐบาลจึงต้องการจะหาโครงการลงทุนขนาดใหญ่มากระตุ้นหมุนเวียนเศรษฐกิจของประเทศ”
นายภคพงศ์กล่าวว่า หลังได้เอกชนผู้ลงทุนแล้ว จะให้เวลาดำเนินการออกแบบ 4 เดือน ถ้าเซ็นสัญญาภายในปีนี้ คาดว่าเริ่มก่อสร้างได้ประมาณกลางปี 2564 ทั้งนี้เนื่องจากงานก่อสร้างสายสีส้มช่วงตะวันออกมีความคืบหน้าแล้วกว่า 51% หลังเซ็นสัญญากับเอกชนแล้วจะให้เร่งงานระบบในทันที เนื่องจากขบวนรถจะต้องใช้เวลาผลิต 2 ปี
“เป้าเปิดบริการอาจจะมีขยับไปบ้าง จากความล่าช้าของการคัดเลือกเอกชนมาลงทุน โดยช่วงตะวันออกศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี จะเปิดบริการในปี 2567 และช่วงตะว้นตกจะเปิดบริการในปี 2570 มีผู้โดยสารตลอดทั้งสายอยู่ที่ 5 แสนเที่ยวคน/วัน”
สำหรับระยะเวลาก่อสร้างถึงจะเป็นเอกชนรายเดียวที่เป็นผู้ลงทุน ก็สามารถจะแบ่งงานก่อสร้างได้หลายสัญญา มาช่วยระดมให้สร้างเสร็จตามกรอบเวลา 5 ปี 6 เดือน เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่และเป็นโครงสร้างใต้ดิน
อนึ่ง โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะว้นตกศูนย์วัฒนธรรม-บางขุนนนท์ จะเปิดให้เอกชนร่วมลงทุน PPP net cost ระยะเวลา 30 ปี ในส่วนงานโยธาช่วงตะวันตก ระยะทาง 16.4 กม. และลงทุนงานระบบรถไฟฟ้า ขบวนรถ และการเดินรถตลอดสายจากบางขุนนนท์-มีนบุรี ระยะทาง 35.9 กม. จำนวน 28 สถานี วงเงินลงทุน 128,128 ล้านบาท (รวมค่าจ้างที่ปรึกษา)
เอกชนเป็นผู้จัดเก็บค่าโดยสารและรับความเสี่ยงด้านรายได้ค่าโดยสาร รายได้จากการพัฒนาเชิงพาณิชย์ และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั้งหมด โดยภาครัฐไม่มีภาระสนับสนุนทางการเงิน (Subsidy) แก่เอกชนในส่วนงานระบบรถไฟฟ้า ขบวนรถ งานเดินรถ และซ่อมบำรุงรักษาของโครงการฯ
และรัฐจะลงทุนค่าเวนคืน 14,661 ล้านบาท และอุดหนุนเงินลงทุนเอกชนไม่เกินค่างานโยธา วงเงิน 96,012 ล้านบาท จะผ่อนชำระคืนเป็นรายปีเป็นระยะเวลา 10 ปี พร้อมดอกเบี้ย นับจากเปิดเดินรถตลอดเส้นทาง