“ศักดิ์สยาม” ไม่อยากใช้ยาแรงสกัดฝุ่น PM2.5 ขอความร่วมมือ “เช็กรถก่อนใช้”

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์ “เช็กรถก่อนใช้ ครอบครัวปลอดภัย สังคมไทยปลอดฝุ่น” ภายใต้โครงการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ประจำปี 2563

นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ทางพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญกับสถานการณ์ผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เนื่องจากเป็นวาระแห่งชาติ และให้ความมือร่วมกันวางแนวทางแก้ไขปัญหา ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งหน่วยงานในพื้นที่และประชาชนต้องช่วยกันแก้ปัญหา

“คงไม่มีใครอยากถูกบังคับด้วยกฏหมาย และคงไม่อยากให้ต้องการให้ขั้นต้องกำหนดอายุการใช้รถเก่า เก็บค่าธรรมเนียมในการใช้รถในพื้นที่กรุงเทพฯ เหมือนที่ต่างประเทศ อย่าชี้นิ้วหาคนอื่นให้ช่วยแก้ไข เริ่มจากมาตรการเช็กรถก่อนใช้ แม้ว่ากรมการขนส่งทางบกและกระทรวงจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แต่จะให้ประสบผลสำเร็จ 100% ต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชน“

สำหรับมาตรการ “เช็กรถก่อนใช้” เพื่อใส่ใจการบำรุงรักษาเครื่องยนต์และปรับแต่งเครื่องยนต์อย่างเหมาะสม เพื่อการใช้งานอย่างปลอดภัย รวมถึงการปรับพฤติกรรมการขับขี่ที่อาจก่อให้เกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5

สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาระยะสั้นคือ การตรวจควันดำรถโดยสาร รถบรรทุก และรถที่มาดำเนินการด้านทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก โดยในช่วงที่ผ่านมาได้ตรวจค่าควันดำไปแล้วกว่า 100,000 คัน ดำเนินการพ่นข้อความห้ามใช้แล้วกว่า 3,000 คัน

ทั้งนี้การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อให้ทุกคนเริ่มต้นแก้ไขปัญหาที่ตนเอง ขณะที่รถของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ อยู่ระหว่างทดสอบการติดตั้งเครื่องกรองอากาศบนหลังคารถ ระยะเวลา 30 วัน จากนั้นจะสรุปผลและดำเนินการต่อไป

ส่วนมาตรการระยะกลางคือ การปฏิรูปปรับเส้นทางเดินรถสาธารณะไม่ให้วิ่งทับซ้อนกัน เพื่อลดปริมาณรถโดยสาร การดำเนินการแผนปฏิรูปองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ซึ่งต้องเปลี่ยนรถโดยสารในปัจจุบัน เป็นรถที่ใช้พลังงานสะอาด เช่น รถที่ใช้ NGV ไฮบริด NGV และ EV เป็นต้น และการเปลี่ยนหัวรถจักรรถไฟเป็นหัวรถจักรไฟฟ้า

ขณะที่มาตรการระยะยาวคือ การเปลี่ยนพลังงานที่ใช้ในยานพาหนะ จากพลังงานฟอสซิล เป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จะดำเนินการวางกรอบแนวทางบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ต่อไป

ด้าน นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการรณรงค์ให้ประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ด้วยตนเองแล้วกรมยังให้สำนักงานขนส่งทุกแห่งตรวจวัดควันดำรถทุกประเภทที่มาดำเนินการทางทะเบียนและภาษีรถ เช่น การโอนรถ การเปลี่ยนสีรถ เป็นต้น

รวมถึงเข้มงวดกำกับ ดูแล สถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ทั่วประเทศ สุ่มตรวจสอบการดำเนินการของ ตรอ. เพื่อให้การตรวจสภาพรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานครบ 7 ปี รถจักรยานยนต์ที่มีการใช้งานครบ 5 ปี ของ ตรอ. เป็นไปตามมาตรฐาน

ควบคู่กับมาตรการเข้มงวดตรวจควันดำรถบรรทุกและรถโดยสารอย่างต่อเนื่องทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยให้ดำเนินการเข้มข้นในพื้นที่กรุงเทพฯและส่วนภูมิภาค 15 จังหวัดที่เป็นเส้นทางเข้าสู่กรุงเทพฯ รวมถึงในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือที่มีค่า PM 2.5 สูงเกินค่ามาตรฐาน

โดยมีผลการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 – 1 มีนาคม 2563 ตรวจรถบรรทุกและรถโดยสารทั้งสิ้น 178,523 คัน ตรวจพบรถควันดำเกินเกณฑ์มาตรฐานหรือเกิน 45% ทั้งหมด 2,934 คัน คิดเป็น 1.64% พ่นห้ามใช้ทันทีพร้อมเปรียบเทียบปรับในอัตราสูงสุด 5,000 บาท

โดยรถทุกคันที่ถูกพ่นห้ามใช้ ต้องนำรถไปแก้ไขและต้องนำรถเข้ารับการตรวจสภาพ ณ สำนักงานขนส่ง เมื่อผ่านการตรวจสภาพจึงสามารถลบข้อความห้ามใช้ออกและนำรถไปใช้งานได้ โดยในระหว่างที่รถถูกสั่งห้ามใช้ หากมีการฝ่าฝืนใช้รถโดยยังไม่ดำเนินการแก้ไข มีความผิดตามกฎหมาย ปรับสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท และบักทึกประวัติความผิดซึ่งจะมีผลต่อการชำระภาษีรถประจำปี