“ศุภาลัย”ปั๊มยอดพรีเซล 6 เดือนแรกปีนี้13,344ล้าน ปูพรมบุก22โปรเจ็กต์ใหม่ ทำนิวไฮเปิดตัว3.7หมื่นล้าน

“ศุภาลัย” ปั๊มยอดพรีเซล 6 เดือนแรกปีนี้ 13,344 ล้าน โต 29% ปูพรมบุก 22 โปรเจ็กต์ใหม่ ทำนิวไฮเปิดตัว 3.7 หมื่นล้าน

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2559 ทำได้ 24,132 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตของยอดพรีเซล 29% โดยช่วงครึ่งปีแรก 2559 ทำได้ 10,355 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโมิเนียม 3,623 ล้านบาท แนวราบ 6,732 ล้านบาท เทียบกับผลงานครึ่งปีแรก 2560 มีอัตราเติบโตของรายได้ 29% จำนวน 13,344 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโด 5,190 ล้านบาท และแนวราบ 8,154 ล้านบาท

ครึ่งปีหลัง แผนธุรกิจบริษัทจะเติบโตกระจุกในช่วง 6 เดือนหลัง โฟกัสเดือนมิถุนายน เป็นเดือนที่บริษัททำได้สูงสุดตลอดกาล โดยเดือน

“ในมุมที่คนบอกว่าเศรษฐกิจไม่ดี อัตราปฏิเสธสินเชื่อสูง แต่ถ้าเราทำสินค้าคุณภาพแท้จริง แบรนด์ที่แข็งแกร่ง สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง”

คอนโดในกรุงเทพฯ โต 50% แนวราบโต 14% ตลาดต่างจังหวัดโครงการแนวราบที่คนมองว่าโอเวอร์ซัพพลาย บริษัทมีอัตราเติบโต 33% คอนโดฯ เติบโต 11% มาจากการทำโครงการเพิ่มขึ้น 10-15% แต่ความสำเร็จมาจากสามารถทำยอดขายต่อโครงการได้ดีขึ้น

“ขอนแก่นมียอดขาย 200 ล้านบาท ขณะที่กรุงเทพฯ เปิดตัวแนวราบ “ศุภาลัย บางนา-ลาดกระบัง” ก็มียอดขาย 200 ล้านบาทเช่นกัน”

นายไตรเตชะกล่าวว่า บริษัททำคอนโดฯ ในต่างจังหวัดมากที่สุดอีกบริษัทหนึ่ง ภาพรวมไม่ได้ดีขึ้นแต่ยอดขายทำได้ดีมาจากไม่มีซัพพลายใหม่เข้าสู่ตลาด

แผนธุรกิจ เดิมบอกว่าจะเปิดตัว 29 โครงการ ล่าสุดเปิดตัว 27 โครงการ ม๔ูลค่าโครงการ 37,080 ล้านบาท โดยรวมเป็นปีที่แอกเกรสสีฟในการเปิดตัวโครงการใหม่ โดยก่อนหน้านี้ปี 2555 เปิดตัว 33,730 ล้านบาท ดังนั้น ถึงสิ้นปีนี้จะเป็นปีที่บริษัทเปิดตัวใหม่สูงสุดหรือนิวไฮ

ทั้งนี้ ครึ่งปีแรก บริษัทเปิดตัวไปแล้ว 5 โครงการ 15,540 ล้านบาท ขณะที่ครึ่งปีหลังเตรียมเปิดใหม่ 22 โครงการ 21,540 ล้านบาท ไฮไลต์มาจากคอนโด 4 โครงการ บนทำเลสายสีเขียวซึ่งเสร็จแล้ว, สายสีน้ำเงิน, สายสีทองทำเลติดสถานี มูลค่ารวม 9,950 ล้านบาท กับแนวราบ 18 โครงการ รว 11,590 ล้านบาท

ไตรมาสสาม วางแผนเปิดพรีเซล 12 โครงการ คอนโด 3 โครงการ7,550 ล้านบาท แนวราบ 9 โครงการ 4,160 ล้านบาท รวม 11,710 ล้านบาท

ไตราสสี่ วางแผนเปิดพรีเซล 10 โครงการ รวมมุลค่า 9,830 ล้านบาท คอนโด 1 โครงการ 2,400 ล้านบาท แนวราบ 9 โครงการ 7,430 ล้านบาท

สถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ ไตรมาส 3-4 ปีนี้มีมากกว่า 2 ไตรมาสแรกของปี เป้าทั้งปีตั้งไว้ 24,500 ล้านบาท มั่นใจว่าทำได้ตามเป้า