พรุ่งนี้”คมนาคม”ชงครม.เคาะ6มาตรการเยียวยาพิษโควิดแอร์ไลน์”ทย.-บขส.”ขอรัฐอุดหนุน1.5พันล้าน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) ครั้งที่ 2/2563 เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการพิจารณาเตรียมเสนอมาตรการบรรเทาผลกระทบของสายการบินจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส CIVID-19 ทั้งหมด 6 มาตรการให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในวันที่ 17 มี.ค.นี้

@มีผล 1 เม.ย.-31 ธ.ค.63

โดยมาตรการทั้งหมดจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. – 31 ธ.ค.2563 ซึ่งมาตรการทั้ง 6 ข้อ ประกอบด้วย 1.มาตรการด้านนการบิน ได้แก่ ปรับลดค่าบริการท่าอากาศยานที่สายการบินถูกเรียกเก็บจากผู้ประกอบการท่าอากาศยาน ค่าบริการการขึ้น-ลงอากาศยาน (Landing charge) และค่าบริการที่เก็บอากาศยาน (Parking Charge) ลดลงอัตรา 50% สำหรับเที่ยวบินภายในประเทศและเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ทำการบินเข้าหรือออกประเทศกลุ่มเสี่ยง

ปรับลดค่าใช้จ่ายที่ท่าอากาศยานอย่างอื่น ซึ่งมีผลต่อต้นทุนของผู้ประกอบการสายการบินสัญชาติไทยตามความเหมาะสม อาทิ ค่าเช่าพื้นที่สำนักงาน เป็นต้น ปรับลดค่าบริการเดินอากาศ (Air navigation service charge) ที่ถูกเรียกเก็บจากผู้ให้บริการเดินอากาศ ลดลงในอัตรา 50% สำหรับเที่ยวบินภายในประเทศและลดลงในอัตราร้อยละ 20 สำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ทำการบินเข้าหรือออกประเทศกลุ่มเสี่ยง

ปรับลดค่าธรรมเนียมการเข้าหรือออกนอกประเทศ (Regulatory fee) ที่เรียกเก็บจากสายการบินตามจำนวนผู้โดยสาร จากอัตราคนละ 15 บาท ลดลงเป็นคนละ 10 บาท สำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ทำการบินเข้าหรือออกประเทศกลุ่มเสี่ยง และขอขยายการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่นจากเดิมมีผลถึงวันที่ 30 ก.ย. 2563 เป็นวันที่ 31 ธ.ค. 2563

@จัดตารางบินใหม่

2. มาตรการอำนวยความสะดวกเพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้ของสายการบิน โดยด้านการจัดสรรเวลาการบิน จะผ่อนผันการตัดสิทธิในฤดูกาลถัดไปให้สายการบินที่ยกเลิกเที่ยวบินจากสถานการณ์ดังกล่าว โดยจะไม่ถูกนำมาใช้คำนวณเงื่อนไขการทำการบินของเวลาการบินต่อเนื่องที่ได้รับการจัดสรร เนื่องจากเป็นสถานการณ์ที่อยู่เหนือการควบคุมของสายการบิน

ประสานงานหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินในต่างประเทศที่สายการบินได้ยกเลิกเที่ยวบิน อาทิ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เป็นต้น เพื่อขอคงสิทธิในเวลาการบินที่ได้รับจัดสรรเดิม

ด้านการกำกับดูแลทางเศรษฐกิจ จะทบทวนหลักเกณฑ์การขอจัดสรรเส้นทางบินใหม่ในเส้นทางภายในประเทศและปรับปรุงกระบวนการพิจารณาจัดสรรเส้นทางให้รวดเร็วขึ้นและ เจรจาสิทธิการบินในเส้นทางระหว่างประเทศที่สายการบินของไทยมีศักยภาพในอนาคต อาทิ อินเดีย ปากีสถาน เกาหลีใต้ เป็นต้น

@เร่งสร้างความเชื่อมั่น

3. มาตรการสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางทางอากาศ จะออกประกาศรองรับสิทธิของสายการบินในการปฏิเสธผู้โดยสารที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัส COVID-19

ประชาสัมพันธ์มาตรการด้านการสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางทางอากาศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางทางอากาศ อาทิ กระบวนการคัดกรองผู้ป่วย วิธีการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อในห้องโดยสาร เป็นต้น

@ขยายเวลาชำระหนี้-หาแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ

4. มาตรการกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยว ออกมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ 5. มาตรการทางการเงิน ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ (Credit terms) ค่าบริการ ค่าภาระ หรือเงินตอบแทนที่สายการบินถูกเรียกเก็บจากผู้ประกอบการท่าอากาศยาน ผู้ให้บริการการเดินอากาศ และผู้ประกอบการจำหน่ายและบริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิง

จัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อาทิ สายการบิน โรงแรม ภาคบริการต่าง ๆ เป็นต้น

6 มาตรการอื่น ๆ ลดค่าเช่าพื้นที่ลงร้อยละ 50 จากราคาค่าเช่าที่เพิ่งปรับขึ้นสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการลดลงของผู้โดยสารตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 โดยที่อัตราการจัดเก็บค่าเช่าหลังหักส่วนลดต้องไม่ต่ำกว่าอัตราที่กรมธนารักษ์กำหนด เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือนมี.ค. – ส.ค. 2563

@ทย.-บขส.ขออุดหนุน 1.2-1.5 พันล้าน

ทั้งนี้ มาตรการต่างๆหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย อาทิ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) บมจ.ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) กรมท่าอากาศยาน (ทย.) ได้ขอความเห็นชอบกับคณะกรรมการ (บอร์ด) ของแต่ละหน่วยแล้ว ซึ่งหาก ครม.เห็นชอบก็จะมีผลบังคับใช้ทันที

นอกจากนั้น ยังมีหน่วยงานที่ต้องขอรับเงินอุดหนุนจากรัฐ (PSO) ด้วยกัน 2 หน่วยคือ ทย. เสนอขอรับ 500 ล้านบาท และ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เสนอขอรับ 700-1,000 ล้านบาท ที่ บขส.ขอมาเยอะ เพราะต้องนำไปใช้ในการจ่ายค่านำรถโดยสารมารับส่งผู้ที่เดินทางมาจากประเทศแพร่ระบาดจากเชื้อไวรัสกลับภูมิลำเนา ซึ่งทั้งสองหน่วยได้ประสานงานกับสำนักงบประมาณ เพื่อเจรจาขอรับการอุดหนุนดังกล่าวแล้ว