AREA เผยมี.ค. 63 อสังหาฯเติมซัพพลายใหม่6,005หน่วย ราคาเฉลี่ยแพงขึ้นจากหน่วยละ3.3ล้านเป็น3.9ล้าน

ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA เปิดเผยว่า ผลสำรวจอสังหาริมทรัพย์ในเดือนมีนาคม 2563 เขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในสถานการณ์วิกฤตโควิด 19 ยังคงมีการเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง จำนวน 26 โครงการ หน่วยขายรวม 6,005 หน่วย มูลค่ารวม 23,499 ล้านบาท

@ทาวน์เฮาส์เปิดใหม่เกินครึ่ง

โดยสินค้าทาวน์เฮาส์มีมากสุด 3,165 หน่วย สัดส่วน 52.7% รองลงมาอาคารชุด 1,229 หน่วย สัดส่วน 20.5% และบ้านเดี่ยว 984 หน่วย 16.4% ประเมินว่าในภาวะขณะนี้ การซื้อที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบน่าจะเป็นการสร้างความมั่นใจแก่ผู้ซื้อได้ดีกว่าห้องชุดพักอาศัย

สำหรับมูลค่ารวมโครงการใหม่ในเดือนมีนาคม 2563 จำนวน 23,499 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2563 จำนวน 2,886 ล้านบาท ที่มีมูลค่า 20,613 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14%

ด้านราคาพบว่า ส่วนใหญ่ราคาปานกลาง-ค่อนข้างแพงเป็นสำคัญ แบ่งเป็นสัดส่วน 55% ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท, ราคา 3-5 ล้านบาท สัดส่วน 28%

ทั้งนี้ แม้ภาพรวมโครงการเปิดขายใหม่เดือนมีนาคมมีจำนวนหน่วยลดลง แต่ราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยเพิ่มขึ้น เทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ราคาเฉลี่ยต่อหน่วยอยู่ที่ 3.349 ล้านบาท เดือนมีนาคม 2563 เพิ่มเป็น 3.913 ล้านบาท เนื่องจากมีหน่วยขายราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 1,028 หน่วย สัดส่วน 17% ของตลาดรวม แสดงถึงแนวโน้มการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ค่อนข้างสูงและมีกำลังซื้อเข้าสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น

@เมษายนฝืนเปิดเพิ่มไม่เกิน 18 โครงการ

บริษัทที่เปิดตัวโครงการใหม่ในเดือนนี้ พบว่าเป็นบิ๊กแบรนด์ในตลาดหลักทรัพย์ 6 บริษัท คือ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด, บมจ.เอพี (ไทยแลนด์), บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้, บริษัท ปริญสิริ, บมจ.ศุภาลัย, บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค

ดร.โสภณคาดว่าเดือนเมษายน 2563 จะมีจำนวนโครงการเปิดใหม่ไม่เกิน 18 โครงการ ไม่เกิน 4,000 หน่วย มูลค่ารวม 16,000 ล้าน ซึ่งถือว่าลดลงเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีมาตรการการควบคุมโรคโควิด-19 ที่เข้มงวดมากขึ้น ทำให้ประชาชนหรือนักลงทุนยังไม่สะดวกใจที่จะออกจากบ้านไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ในช่วงนี้

อย่างไรก็ตามหลังวิกฤตโควิด-19 อาจทำให้ดีมานด์ที่กักเก็บไว้กลับมาซื้อบ้านกันมากขึ้นอย่างล้นหลามในอนาคตก็ได้