3 บิ๊กวัสดุ-ที่ปรึกษา Wait & See ผลกระทบระยะสั้น ลุ้นวิกฤตโควิด…ไม่น่าจะยาว

ศักราช 2563 ผ่านมาแล้ว 1 ไตรมาสเต็ม ๆ สำหรับผลกระทบการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ย่างเข้าสู่ไตรมาส 2/63 ผู้ประกอบการจากภาคอุตสาหกรรมก่อสร้าง 3 รายร่วมแจมมุมมองผลกระทบระยะสั้น ระยะยาว และการปรับตัวปรับใจตั้งรับวิกฤตเศรษฐกิจที่ไม่มีใครรู้ว่าจะสั้นหรือยาวนานแค่ไหน

ประมูลงานรัฐ-ตัวช่วยฟื้น ศก.

ประเดิมด้วย “ดร.พงศ์ธร ธาราไชย” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ PPS ธุรกิจวิศวกรที่ปรึกษา ระบุว่า สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 น่าจะถึงจุดสูงสุดของโลกในอีกไม่เกินสองเดือน และจะค่อย ๆ บรรเทาลง แต่ผลกระทบทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนักมาก และอาจใช้เวลาฟื้นตัวยาวนาน

PPS ประเมินผลกระทบระยะสั้นยังไม่เห็นผลกระทบที่ชัดเจน เพราะยังไม่มีหน่วยงานที่หยุดการก่อสร้าง แต่การประชุมระหว่างหน่วยงานมีการเปลี่ยนแปลงวิธีปฏิบัติ เน้นติดต่อสื่อสารผ่านออนไลน์ในส่วนที่สามารถทำได้

ผลกระทบระยะยาว กรณี worst case หากหยุดไซต์ก่อสร้างอาจกระทบการทำงานที่ต้องส่งคนไปควบคุมบริหารงานก่อสร้าง ความเสี่ยงเป็นเรื่อง 1.อาจเก็บค่าบริการไม่ได้ 2.การขยายเวลาตามสัญญาก่อสร้าง หลังจากเหตุการณ์โรคระบาดผ่านไปแล้ว

ส่วนงานใหม่มีแนวโน้มอาจเลื่อนเวลาเปิดโครงการใหม่ออกไป หรือลดขนาดโครงการ เพราะลูกค้าบางส่วนน่าจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์นี้

อย่างไรก็ตาม หลังจากโควิด-19 จบลงแล้วมองว่างานเอกชนจะชะลอตัว ในขณะที่งานภาครัฐจะยังมีออกมาต่อเนื่อง จุดโฟกัสงานก่อสร้างโรงพยาบาลเริ่มเปิดให้แข่งขันเสนอ ทำให้เป็นปัจจัยบวกเพราะ PPS มีความชำนาญและมีประสบการณ์โดยตรง

“โควิด-19 ถือเป็นโอกาสในการเปลี่ยนโมเดลธุรกิจให้มีการส่งมอบงานเป็นชิ้นงานมากขึ้น แทนที่จะต้องส่งคนไปประจำหน่วยงานอยู่ตลอด บริษัทได้ใช้เวลาในการบริหารจัดการบุคลากร สร้างแนวทางทำธุรกิจแบบใหม่ที่ใช้คนน้อยลง สะสมเงินสดมากขึ้น ลดภาระดอกเบี้ย ระมัดระวังการใช้จ่ายเพื่อให้มีกระแสเงินสดเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ”

โดยภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างไตรมาส 2/63 คาดว่างานเอกชนยังคงชะลอการลงทุนในโครงการใหม่ ๆ คงต้องหวังพึ่งภาครัฐที่ต้องปล่อยโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น

เจาะดีมานด์สร้าง-ขยายโรงงาน

ถัดมา “ทักษิณ ตันติไพจิตร” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ FTE ผู้นำเข้าและจำหน่ายระบบดับเพลิงครบวงจร กล่าวว่า ผลกระทบโควิด-19 ในระยะสั้นยังมีไม่มากนัก บริษัทยังสามารถดำเนินงานติดตั้งระบบพร้อมรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่งานประมูลยังสามารถรับงานอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง backlog (ออร์เดอร์สะสมในมือ) ยังไม่มีสัญญาณการหยุดหรือชะลองานในระยะนี้ รวมทั้งงานจัดจำหน่ายในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมายังมีคำสั่งซื้อตามปกติ

ทั้งนี้ ส่วนที่ได้รับผลกระทบเป็นงานด้านบริการ ตรวจสอบ ซ่อมบำรุง เนื่องจากบริษัทมีลูกค้า work from home จึงขอหยุดรับการบริการอย่างไรก็ตาม รายได้มีสัดส่วนเพียง 2-3% ของธุรกิจโดยรวม จึงไม่กระทบต่อรายได้รวมแต่อย่างใด

ทั้งนี้ FTE ประเมินลักษณะงานมีความเสี่ยงในด้านบุคลากรในไซต์งานที่ยังเปิดดำเนินการอยู่ ซึ่งบริษัทมีมาตรการการป้องกันเข้มงวดในส่วนพนักงานที่ประจำออฟฟิศ และทำแผน work from home เต็มรูปแบบในเดือนเมษายนเป็นต้นไป

“ผลกระทบโควิดต่ออุตฯก่อสร้างมีแน่นอนหากสถานการณ์ยืดเยื้อ เพราะมีผลต่อความเชื่อมั่น ทำให้การลงทุนต่าง ๆ หยุดชะงัก แต่เรายังพบว่ามีโครงการก่อสร้างบาง sector ที่ดำเนินต่อไปและอาจมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นด้วย เช่น โครงการภาครัฐ การพัฒนาปรับปรุงระบบไฟฟ้า การก่อสร้างโรงพยาบาล ก่อสร้างและขยายโรงงานเพื่อรองรับความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคต่าง ๆ บริษัทมีแผนที่จะมุ่งเน้นตลาดดังกล่าวให้มากขึ้น”

สำหรับแนวโน้มไตรมาส 2/63 บริษัทมุ่งเน้นประสิทธิภาพของการบริหารโครงการ ทั้งต้นทุน คุณภาพและเวลาในการติดตั้ง รวมถึงเข้าร่วมแข่งขันประมูลงานติดตั้งระบบดับเพลิงต่อเนื่อง เพื่อประคองให้ผลดำเนินงานรายไตรมาสไม่ลดต่ำลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมามากนัก

เน้นสภาพคล่องสูง-คุมรายจ่าย

สุดท้าย “อาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP กล่าวว่า บริษัทโชคดีในภาวะวิกฤตโรคระบาด เนื่องจากความต้องการใช้คอนกรีตยังมีแนวโน้มดี โดยเฉพาะดีมานด์จากการลงทุนโซน EEC อาทิ ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด นิคมอุตสาหกรรม

บริษัทมองว่าหากสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ แนวโน้มความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปจะมีมากขึ้นกว่าเดิมเพื่อชดเชยและเป็นตัวช่วยให้การก่อสร้างเสร็จทันตามกำหนดเวลา ถือเป็นโอกาสในการเข้ารับงานเพิ่มเติมได้ในอนาคต

ในระหว่างนี้ CCP มีมาตรการคัดกรองบุคคลที่มีความเสี่ยง ตรวจวัดไข้ก่อนเข้าอาคารและโรงงาน จัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกัน รวมถึงปรับกลยุทธ์เสริมศักยภาพช่องทางการขายทางออนไลน์ทุกรูปแบบ ควบคุมค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และปรับปรุงพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่

ล่าสุด บริษัทมีการปรับเปลี่ยนการผลิตสินค้ามาตรฐานทั่วไป หันมาเน้นการผลิตตามความต้องการเฉพาะเจาะจงของลูกค้า ในธุรกิจผลิตคอนกรีตสำเร็จรูป ซึ่งมีสัดส่วน 80% ของรายได้

ทั้งหมด เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งเพิ่มบริการโลจิสติกส์ขนส่งคอนกรีต บริการเช่ารถคอนกรีตเพิ่มเติม ทำให้สามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสามารถในการทำกำไรสูงขึ้น


สำหรับในระยะยาวจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์โควิด-19 อย่างใกล้ชิด โดยบริษัทมีการจัดเตรียมเรื่องสภาพคล่องทางการเงิน การขอผ่อนผันชำระเงินต้นกับทางธนาคาร ควบคุมค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อให้สามารถอยู่รอดในสภาวการณ์ปัจจุบัน