หลังศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) หรือ ศบค. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน ได้มีมติให้ปรับเวลาเคอร์ฟิว โดยห้ามออกจากเคหสถาน จากเดิมเวลา 22.00-04.00 น. เป็น 23.00-04.00 น. ล่าสุดระบบการคมนาคมขนส่งได้มีการปรับเวลาให้สอดรับเริ่มตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค.2563 จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
@รถไฟฟ้า-บีอาร์ทีปิด 22.30 น.
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส เปิดเผยว่า จากที่ศบค.ปรับเวลาเคอร์ฟิวเป็น 23.00-04.00 น. เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถโดยสารด่วนพิเศษบีอาร์ที จะขยายเวลาให้บริการจากเดิมปิดเวลา 21.30 น. เปลี่ยนเป็นเวลา 22.30 น. ในทุกสถานี ทั้งสายสุขุมวิท และสายสีลม ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 17 พ.ค. 2563 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีการแจ้งเปลี่ยนแปลง
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
โดยบีทีเอสยังคงเข้มงวด และเพิ่มความถี่ในการฉีดพ่นและเช็ดทำความสะอาด ภายในขบวนรถไฟฟ้า และจุดสัมผัสร่วม ภายในสถานี และบริเวณรอบสถานีด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสฯ อย่างเต็มที่ ควบคู่ไปกับการคัดกรองผู้มาใช้บริการ โดยตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าสู่ระบบ หากมีอุณหภูมิสูงตั้งแต่ 37.5 องศาเซลเซียส จะไม่อนุญาตให้เข้าใช้บริการ และยังคงเน้นปฏิบัติตามมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เพื่อความปลอดภัย และสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้โดยสาร
ยังมีข้อแนะนำสำหรับผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟฟ้า โปรดเผื่อเวลาในการเดินทางให้มากขึ้น ต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าทุกครั้ง ตลอดเวลาที่อยู่ในระบบรถไฟฟ้า รวมถึงก่อนเข้าและออกจากระบบรถไฟฟ้า ควรล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อทุกครั้ง โดยบีทีเอสได้จัดเตรียมแอลกอฮอล์ให้บริการให้ที่โต๊ะตรวจการหน้าทางเข้า – ออกทุกสถานี และในชั่วโมงเร่งด่วน ที่มีจำนวนผู้โดยสารหนาแน่น แนะนำให้หลีกเลี่ยงการพูดคุยกันภายในขบวนรถ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
@MRT-สีม่วงขบวนสุดท้ายถึงปลายทาง 22.30 น.
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า รฟม. และ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า MRT พร้อมที่จะปรับเวลาการให้บริการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (MRT สายสีน้ำเงิน) และสายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง ให้สอดคล้องกับมติดังกล่าวเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ประชาชน
โดยจะให้บริการรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง ตั้งแต่เวลา 05.30 – 22.30 น. และให้บริการรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ตั้งแต่เวลา 06.00 – 22.30 น. ทั้งนี้รถขบวนสุดท้ายจะถึงสถานีปลายทางเวลา 22.30 น.
ทั้งนี้ รฟม. และ BEM ขอความร่วมมือผู้โดยสารโปรดวางแผนและเผื่อเวลาในการเดินทางมากขึ้น เนื่องจากต้องใช้เวลาในการจัดระเบียบการเข้าใช้บริการ ตามมาตรการจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าเข้าระบบในแต่ละคราว (Group Release) เพื่อรักษาระยะห่างในการใช้บริการตามมาตรการ Social Distancing ต้องสวมใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดระยะเวลาการใช้บริการ รวมถึงให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่วัดอุณหภูมิร่างกายก่อนใช้บริการ
@แอร์พอร์ตลิงก์ขบวนสุดท้าย 4 ทุ่ม
นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ เปิดเผยว่า บริษัทจะปรับเปลี่ยนเวลาการให้บริการให้สอดคล้องกับมติขยายเวลาเคอร์ฟิว จากเดิมที่ให้บริการในเวลา 05.30 – 21.30 น. เป็นให้บริการในเวลา 05.30 – 22.30 น. ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค.2563 เป็นต้นไป โดยรถไฟขบวนสุดท้ายจะออกจากสถานีพญาไท และสถานีสุวรรณภูมิ เวลา 22.00 น. และจะถึงสถานีปลายทางเวลา 22.30 น.
@ลานจอดหมอชิตปิดตีหนึ่ง
สำหรับอาคารและลานจอดแล้วจร ในส่วนของ รฟม. ทั้งหมด จะเปลี่ยนแปลงเวลาให้บริการเป็นตั้งแต่เวลา 05.00 ถึง 22:30 น. เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาให้บริการของรถไฟฟ้า โดยปัจจุบันมีที่จอดรถในแนวสายทางรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน จำนวน 13 แห่ง
ได้แก่ อาคารจอดแล้วจรที่สถานีลาดพร้าว สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย สถานีหลักสอง (2 อาคาร) และลานจอดแล้วจรที่สถานีรัชดาภิเษก สถานีห้วยขวาง สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย (2 ลาน) สถานีพระราม 9 สถานีเพชรบุรี สถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (2 ลาน) และสถานีสามย่าน ที่จอดรถในแนวสายทางรถไฟฟ้า MRT
สายสีม่วง จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ อาคารจอดแล้วจรที่สถานีคลองบางไผ่ สถานีสามแยกบางใหญ่ สถานีบางรักน้อยท่าอิฐ และสถานีแยกนนทบุรี 1 รวมถึงที่จอดรถในแนวสายทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ จำนวน 1 แห่ง คือ ลานจอดแล้วจรที่สถานีเคหะสมุทรปราการ
สำหรับลานจอดรถ บริเวณลานจอดแล้วจร (สถานีหมอชิต) ทางบีทีเอสแจ้งว่าจะเปิดให้บริการจอดรถฟรี ตามเวลาปกติ ตั้งแต่เวลา 05.00–01.00 น. เริ่มตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค.นี้เป็นต้นไป
@เพิ่มรถเมล์-วิ่งทุก 5-10 นาที
นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2563 ขสมก.มีผู้ใช้บริการรถโดยสารประจำทาง กว่า 500,000 คน คาดว่าเมื่อดำเนินการตามมาตรการคลายล็อกแล้วจะส่งผลทำให้ มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น ประมาณ 100,000 คน หรือวันละประมาณ 600,000 คน จึงจัดแผนเดินรถโดยสาร ในช่วงมาตรการคลายล็อกระยะที่ 2 ดังนี้
1. เพิ่มจำนวนรถออกวิ่ง จากเดิม 90% (2,705 คัน/วัน) เป็น 95% (2,855 คัน/วัน) หรือจัดรถออกวิ่งให้สอดคล้องกับความต้องการใช้บริการของประชาชนในแต่ละช่วงเวลา
2. ปรับเวลาการให้บริการเดินรถโดยสาร จากเวลา 05.00 – 21.00 น. (เวลา 21.00 น. คือเวลาที่รถโดยสารกลับถึงอู่จอดรถ) เป็นให้บริการ เวลา 05.00 – 22.00 น.(เวลา 22.00 น. คือเวลาที่รถโดยสารกลับถึงอู่จอดรถ)
โดยเพิ่มความถี่ในการปล่อยรถ ช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า (05.00 – 08.00 น.) และช่วงเวลาก่อนเคอร์ฟิว (21.00 – 22.00 น.) ให้มีระยะห่างกันไม่เกิน 5 – 10 นาที
@คันสุดท้ายออกจากท่าปลายทาง 3 ทุ่ม
3. ปล่อยรถโดยสารคันสุดท้าย ออกจากท่าปลายทางประมาณ 21.00 น. เพื่อให้พนักงานสามารถนำรถกลับเข้าอู่จอดรถได้ทันเวลา 22.00 น. โดยปรับเพิ่มความถี่ในช่วงการปล่อยรถ 3 คันสุดท้าย ให้มีระยะห่างกัน 5 – 10 นาที
ซึ่งรถโดยสาร 3 คันสุดท้าย จะติดป้ายข้อความบ่งชี้บริเวณหน้ารถโดยสาร เหลือรถ 2 คันสุดท้าย เหลือรถ 1 คันสุดท้ายและรถคันสุดท้าย
และขอความร่วมมือผู้ใช้บริการปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งขณะใช้บริการรถโดยสาร การนั่งหรือยืนตามจุดที่กำหนด (รถโดยสาร 1 คัน อนุญาตให้ผู้ใช้บริการยืนได้ไม่เกิน 10 คน)
กรณีผู้ใช้บริการเต็มจะต้องรอใช้บริการรถโดยสารคันถัดไป รวมทั้ง ขอความร่วมมือผู้ใช้บริการ เตรียมตัวกลับบ้านก่อนเวลา 19.00 น. เพื่อลดความแออัดของผู้ใช้บริการบนรถโดยสารในช่วงเวลาก่อนเคอร์ฟิว ซึ่งจะทำให้การดำเนินการตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมบนรถโดยสาร เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
@รถไฟเดินรถขบวนพิเศษ-ชานเมือง 18 พ.ค.
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า จากมาตรการคลายล็อกดาวน์ คาดการณ์ว่าจะมีประชาชนมีความต้องการในการเดินทางมากขึ้น เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชนที่มีความจำเป็นต้องเดินทางโดยรถไฟ ทั้งการเดินทางภายในเขตเมือง ระหว่างเมือง และทางไกล ข้ามเขตพื้นที่จังหวัด
จะประกาศเปิดเดินขบวนรถโดยสารพิเศษเป็นการชั่วคราว 30 วัน ซึ่งให้บริการเฉพาะรถโดยสารชนิดพัดลมเท่านั้น เพื่อให้สอดคล้องตามมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 1 พร้อมทั้งเปิดเดินขบวนรถโดยสารบริการสังคม (ชานเมือง) เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค. 2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
สำหรับขบวนรถที่เปิดให้บริการในเส้นทางต่าง ๆ มีดังนี้
1. ขบวนรถโดยสารพิเศษ เปิดให้บริการชั่วคราว 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม – 17 มิถุนายน 2563 จำนวน 8 ขบวน (ไป-กลับ)
สายเหนือ ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม – 16 มิถุนายน 2563 เปิดให้บริการขบวนรถด่วนที่ 9051 กรุงเทพ ออกเวลา 05.30 น. ถึงเชียงใหม่ เวลา 18.30 น.
สายเหนือ ตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม – 17 มิถุนายน 2563 เปิดให้บริการขบวนรถด่วนที่ 9052 เชียงใหม่ ออกเวลา 05.30 น. ถึงกรุงเทพ เวลา 18.30 น.
สายตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม – 16 มิถุนายน 2563 เปิดให้บริการบริการขบวนรถด่วนที่ 9071 กรุงเทพ ออกเวลา 06.00 น. ถึงอุบลราชธานี เวลา 14.55 น.
สายตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม – 17 มิถุนายน 2563 ประกาศให้เดินขบวนรถด่วนที่ 9072 อุบลราชธานี ออกเวลา 06.00 น. ถึงกรุงเทพ เวลา 14.50 น.
สายตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม – 16 มิถุนายน 2563 ประกาศให้เดินขบวนรถด่วนที่ 9075 กรุงเทพ ออกเวลา 07.00 น. ถึงหนองคาย เวลา 16.40 น.
สายตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม – 17 มิถุนายน 2563 ประกาศให้เดินขบวนรถด่วนที่ 9076 หนองคาย ออกเวลา 07.00 น. ถึงกรุงเทพ เวลา 16.35 น.
สายใต้ ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม – 16 มิถุนายน 2563 ประกาศเปิดเดินขบวนรถด่วนที่ 9085 กรุงเทพ ออกเวลา 05.00 น. ถึงชุมทางหาดใหญ่ เวลา 18.45 น. (**ขบวนรถให้บริการถึงชุมทางทุ่งสง ถึงเวลา 16.04 น. เนื่องจากจังหวัดพัทลุงและสงขลายังมีล็อกดาวน์จังหวัด**)
สายใต้ ตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม – 16 มิถุนายน 2563 ประกาศเปิดเดินขบวนรถด่วนที่ 9086 ชุมทางหาดใหญ่ ออกเวลา 05.00 น. ถึงกรุงเทพ เวลา 18.50 น. (ขบวนรถให้บริการจากชุมทางทุ่งสง ออกเวลา 07.47 น. เนื่องจากจังหวัดพัทลุงและสงขลายังมีล็อกดาวน์จังหวัด**)
2. ขบวนรถชานเมือง และขบวนรถธรรมดา และขบวนรถท้องถิ่น ตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค.2563 เป็นต้นไป จำนวน 34 ขบวน (ไป-กลับ)
สายเหนือ ขบวนรถชานเมือง และขบวนรถธรรมดาเมือง จำนวน 4 ขบวน
สายตะวันออกเฉียงเหนือ ขบวนรถชานเมืองและขบวนรถท้องถิ่น จำนวน 16 ขบวน
สายใต้ ขบวนรถธรรมดาและขบวนรถท้องถิ่น จำนวน 8 ขบวน
สายตะวันออก ขบวนรถธรรมดา จำนวน 4 ขบวน
และสายแม่กลอง-บ้านแหลม ขบวนรถท้องถิ่น จำนวน 2 ขบวน
ทั้งนี้ยังคงย้ำมาตรการป้องกันโควิด – 19 ให้พนักงานด้านปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ถุงมือยาง Face shield ตลอดเวลา การตรวจคัดกรองผู้โดยสารอย่างเข้มข้น การจัดให้มีแอลกอฮอล์เจลบริการทั้งบริเวณสถานีและบนขบวนรถ การรักษาระยะห่าง Social Distancing ให้มีจุดยืน/นั่ง ให้ชัดเจน
@จำกัดขายตั๋วขบวนละ 50%
ทั้งที่สถานีและขบวนรถ โดยจำกัดการจำหน่ายตั๋วโดยสารไว้ที่ร้อยละ 50 ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด เมื่อจำหน่ายเต็มตามที่ระบุแล้ว จะไม่จำหน่ายตั๋วอีกรวมทั้งตั๋วไม่มีที่นั่ง (ตั๋วยืน) การจัดเดินรถโดยสารชนิดพัดลมเพื่อให้บริการเท่านั้น และการงดจำหน่ายอาหารบนขบวนรถ หากผู้โดยสารที่เดินทางไกลเกินกว่า 3 ชั่วโมง ให้เตรียมอาหารไปรับประทานเอง
สำหรับผู้โดยสารที่จะเดินทางข้ามเขตจังหวัด จะต้องกรอกข้อมูลคำถามสุขภาพ ตามแบบฟอร์ม ต.8/คค./รฟท. และได้รับการตรวจคัดกรองและต้องแสดงเหตุผลความจำเป็น พร้อมหลักฐานการอนุญาตของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรการป้องกันตามที่ทางราชการกำหนด เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อไวรัสดังกล่าว
สำหรับผู้โดยสารที่ประสงค์จะเดินทางกับขบวนรถโดยสารพิเศษ สามารถจองล่วงก่อนเดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.2563 เป็นต้นไป
@รถทัวร์ บขส.วิ่ง 16 เส้นทาง 18 พ.ค.
ด้านบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) แจ้งตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค.เป็นต้นไป จะเปิดเดินรถในเส้นทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่มีความจำเป็นต้องเดินทาง หลังจากที่ บขส.หยุดให้บริการชั่วคราว จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19
โดยภาคเหนือเปิด 7 เส้นทาง ประกอบด้วย เส้นทางกรุงเทพฯ–เชียงใหม่, กรุงเทพฯ–เชียงราย, กรุงเทพฯ–อุตรดิตถ์, กรุงเทพฯ–สารจิต