“แสนสิริ-บีทีเอส” โอนคอนโดห้องแรก “เดอะไลน์ จตุจักร หมอชิต” ราคาขยับ 10% เฉลี่ย 1.85 แสน/ตรม. มูลค่า 6,000 ล้าน

นางสาววรางคณา อัครสถาพร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า คอนโดมิเนียมแบรนด์ “เดอะไลน์ จตุจักร-หมอชิต” สร้างเสร็จเร็วกว่าแผน 4 เดือน ล่าสุดได้เริ่มทยอยส่งมอบห้องให้กับลูกค้าตั้งแต่กลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว บริษัทร่วมทุนสามารถปิดการขายทั้งโครงการ ราคาเปิดพรีเซลเฉี่ยว 1.7 แสนบาท/ตารางเมตร ล่าสุดราคาขยับขึ้นเป็นเฉลี่ย 1.85 แสนบาท/ตารางเมตร

รายละเอียดเป็นคอนโดไฮไรส์ 43 ชั้น สร้างบนที่ดิน 4 ไร่เศษ รวม 841 ยูนิต มีให้เลือก 5 แบบ ได้แก่ ห้องชุด 1 นอน, 2 นอน, 2 นอนดูเพล็กซ์, 3 นอน และ 3 นอนดูเพล็กซ์ พื้นที่ใช้สอย 25-105 ตารางเมตร หรือเฉลี่ยห้องละ 4-20 ล้านบาท

“คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ลูกค้าทยอยโอน 3,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยโอนภายในต้นปีหน้า เนื่องจากโครงการนี้สร้างเสร็จเร็วกว่ากำหนด 4 เดือน เดิมจะสร้างเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์​ 2561 แต่เสร็จเร็วขึ้นและเริ่มโอนตั้งแต่กลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา ดังนั้น ลูกค้าบางรายที่วางแผนด้านการเงินจะรับโอนช่วงต้นปีก็ยังเป็นไปตามนั้น ส่วนลูกค้าที่พร้อมรับโอนเลยก็สามารถเข้ามาตรวจรับมอบห้องและทำการโอนได้เลย”

สำหรับโครงการต่อไปที่จะเปิดขายคือเดอะไลน์ สาทร ติดติดรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสุรศักดิ์ เพียง 0 เมตร

นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เดอะไลน์ จตุจักร-หมอชิต เปิดตัวปี 2548 โดยเปิดขายพร้อมกัน 3 ประเทศคือทย ฮ่องกง สิงคโปร์ สัดส่วนลูกค้าคนไทย 85% ต่างชาติ 15% เป็นโครงการแรกของแผนร่วมทุนระหว่างแสนสิริกับบีทีเอส

ล่าสุด 2 ปีที่ผ่านมา ภายใต้แผนร่วมทุนมีการพัฒนาแบรนด์เดอะไลน์ต่อเนื่อง ได้แก่ เดอะไลน์ สุขุมวิท 71, เดอะไลน์ ราชเทวี, เดอะไลน์ อโศก-รัชดา, เดอะไลน์ สุขุมวิท 101 และเดอะไลน์ พหล-ประดิพัทธ์

สำหรับปีนี้เตรียมโอนกรรมสิทธิ์ 3 โครงการ ได้แก่ เดอะไลน์ ราชเทวี, เดอะไลน์ อโศก-รัชดา และเดอะเบส การ์เด้น พระราม 9 มูลค่ารวม 10,200 ล้านบาท ในขณะที่มีแบ็กลอกหรือยอดขายรอโอนในช่วง 3 ปีหน้าอีก 24,000 ล้านบาท

นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บีทีเอสกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทร่วมทุนโดยบีทีเอสและแสนสิริถือหุ้นฝ่ายละ 50% เป้าหมายภายใน 5 ปีพัฒนาโครงการมูลค่ารวม 1 แสนล้านบาท โดยประสบการณ์ 2 ปีทุกอย่างเป็นไปตามแผนธุรกิจที่วางไว้ มีความพอใจกับความสำเร็จ นอกจากนี้ยังมีการต่อยอดธุรกิจสร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้า อาทิ บัตรแรบบิท ใช้ได้ทั้งเป็นบัตรโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสและบัตรสำหรับเจ้าของห้องชุดในการใช้งานสมาร์ทโซลูชันต่างๆ ภายในอาคาร