NC ชูโมเดลมืออาชีพบริหารชุมชน 56 โครงการ 26 ปี ตอบโจทย์ผู้ซื้อบ้านยุคใหม่

“เอ็น.ซี เฮ้าส์ซิ่ง” แบรนด์อสังหาฯ ที่ได้รับการรับรองคุณภาพ ISO รายแรกของไทย ชูจุดขายด้านบริการหลังการขาย มั่นใจผลงานต้นแบบบริหารชุมชนตลอด 26ปี มัดใจลูกค้าอยู่หมัด ชี้ยุคหลังโควิดพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่มองหาโมเดล win-win ทั้งผู้ขาย-ผู้ซื้อบ้าน ตรวจสอบลงลึกถึงระบบนิติบุคคลบ้านจัดสรร-คอนโดก่อนตัดสินใจซื้อ

นายรังสรรค์ นันทกาวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ NC เปิดเผยว่า สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 มีผลต่อมุมมองและพฤติกรรมผู้บริโภค โดยรูปแบบและพฤติกรรมการใช้ชีวิตในชุมชนมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่วิถี New Normal ไม่ว่าจะเป็นด้าน Health Tech เรียนรู้เทคโนโลยีรอบสุขภาพ, ด้าน Lifestyle ที่มีการเว้นระยะทิ้งห่างทางสังคมหรือ Social Distancing, การทำกิจกรรมชุมชนที่ต้องสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น

ก่อนยุคโควิด พฤติกรรมผู้ซื้อบ้านส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับราคา แบบบ้าน คุณภาพบ้าน รูปลักษณ์แบบบ้าน ของแถม ฯลฯ ซึ่งเป็นการเลือกซื้อบ้านยังไม่ตรงจุดสำคัญที่แท้จริง ในขณะที่เรื่องสำคัญที่สุดคืองานด้านบริการหลังการขายซึ่งหมายถึงคุณภาพชีวิตในการเข้าอยู่อาศัยในระยะยาว นั่นหมายความว่าโครงการที่มีระบบบริหารชุมชนที่แข็งแกร่งและมีประสบการณ์ยาวนานจะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในการพิจารณาตัดสินใจซื้อของลูกค้า

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณภาพชีวิตที่ต้องเปลี่ยนแปลงในสภาวะความปกติใหม่ (new normal) หลังโควิด-19 ดังนั้น ผู้ซื้อบ้านควรใส่ใจและเห็นความสำคัญบริบทใหม่ของการเลือกซื้อบ้าน เริ่มต้นจากควรตรวจสอบโครงการก่อนตัดสินใจ, การมีข้อกำหนดกฎระเบียบต่างๆ ของนิติบุคคลบ้านจัดสรร, การมีกฏกติกาของการอยู่ร่วมกันในสังคมน่าอยู่, เรื่องความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน ตลอดจนสุขอนามัยชุมชน สภาพแวดล้อมสาธารณูปโภคที่ต้องมีมาตรการดูแลที่เข้มงวด

“ในเวลาเดียวกัน ที่อยู่อาศัยที่ตั้งบนทำเลศักยภาพสูงยังมีมุมมองถึงการลงทุนที่คุ้มค่าในอนาคต ต้องมีความปลอดภัยสูงสุด มีมาตรการชี้วัดสถิติการโจรกรรมต้องเป็นศูนย์ มีความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยในบ้านและภายนอกบ้าน มีเทคโนโลยีประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ที่สามารถติดตามข้อมูลได้ Real Time ตลอด 24 ชั่วโมง เพิ่มประสิทธิภาพบุคลากรทีมงาน รปภ. การรักษาความปลอดภัย การตรวจตามจุดโดยรอบของโครงการ การติดตามข้อมูลในทุกวัน”

ทั้งนี้ NC มุ่งมั่นพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ให้การพักอาศัยเป็นสังคมแห่งการอยู่ร่วมกันเพื่อชีวิตครอบครัวที่ดีขึ้น โดยมี 5 องค์ประกอบของการบริหารชุมชนที่ดี ได้แก่

1.ให้ความสำคัญด้านสภาพแวดล้อมชุมชน จัดการภูมิทัศน์ให้คงสภาพสวยงาม ดูแลรักษาความสะอาดของชุมชมทุกวัน จัดระบบเฝ้าระวังไม่ให้มีการรวมกลุ่ม การจัดกิจกรรมต้องเว้นระยะห่างของชุมชนในการใช้สิ่งอำนวยความสะดวก จัดโซนนิ่ง การสัญจรโครงการ ลดการสัมผัสของชุมชน

2.ระบบรักษาความปลอดภัยทรัพย์สินในโครงการ มีจุดคัดกรองบุคคลเข้า-ออกอย่างเข้มงวด เคร่งครัดสวมใส่หน้ากากออกจากบ้าน จัดระบบความปลอดภัย 24 ชั่วโมง มีจุดตรวจคัดกรองบุคคลภายนอกที่มาติดต่อกับเจ้าของบ้าน ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าโครงการ รับเรื่องตรวจสอบรายงานผลแต่ละวันในแต่ละจุด ตอบรับการปรับวิถีชีวิตลูกบ้านต้องทำงานที่บ้าน (work from home) มากขึ้น บริการสั่งของ-สั่งอาหาร การตรวจสอบมีมาตรการอย่างคุมเข้มบนพื้นฐานสร้างความสุขให้กับผู้อยู่อาศัย

3.บูรณาการความรู้สุขลักษณะอนามัยชุมชน ระบบดูแลรักษาความสะอาดในชุมชน ลดความหนาแน่น เว้นระยะห่างทางชุมชน การใช้พื้นที่ส่วนรวมสาธารณะ ไม่ให้มีการรวมกลุ่มในชุมชน อาทิ สวน สโมสร คลับเฮ้าส์ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส รวมทั้งข้อปฏิบัติของร้านค้าที่ต้องให้ความร่วมมือกับชุมชน

4.การดูแลรักษาสาธารณูปโภคส่วนกลางโครงการ มีการคัดแยกขยะชุมชน รณรงค์ใช้ถุงผ้า ศูนย์การแจ้งซ่อมบูรณะทางเท้า ท่อระบายน้ำ สวนสาธารณะ คลับเฮ้าส์ ให้คงสภาพพร้อมใช้งานตลอดเวลา

5.ให้ความสำคัญการจัดตั้งนิติบุคคลบ้านจัดสรร มีการคัดสรรทีมงานที่มีประสบการณ์และองค์ความรู้ จัดตั้งคณะกรรมการหมู่บ้านที่มีจิตใจอาสาเสียสละ ทุ่มเทเพื่อคัดสรรเข้ามาช่วยดูแล ทีมงานจัดเก็บค่าส่วนกลาง บัญชีเงินกองทุนมีรูปแบบการใช้จ่ายตรวจรับอย่างเป็นระบบ ทีมงานมีการสื่อสารให้กับสมาชิกโครงการได้รับทราบข้อมูล และมีส่วนร่วมในกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีชุมชน

“การพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์ NC กว่า 56 โครงการตลอด 26 ปี เรามีแนวคิดที่ต้องการเห็นต้นแบบชุมชมที่สมบูรณ์แบบ ชุมชนน่าอยู่ ตั้งแต่แรกเริ่มของการพัฒนาโครงการ มองถึงการอยู่อาศัยที่ความสุขเพิ่มพูนทวีในทุกมิติทุกครอบครัว ทรัพย์สินตัวบ้านเพิ่มมูลค่า มีราคาขายต่อเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป และยังเพิ่ม Value Added บ้านส่งต่อทรัพย์สินรุ่นสู่รุ่นให้กับผู้ซื้อบ้านในยุคนี้” นายรังสรรค์กล่าว