วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ดร.สมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง บริษัทฯ เห็นใจและห่วงใยทุกคนในสถานการณ์เช่นนี้ จึงขอแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของประชาชน
ด้วยการคงอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT “สายสีน้ำเงิน” ไว้เท่ากับอัตราเดิม คือเริ่มต้น 16 บาท สูงสุด 42 บาท ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 จากที่กำหนดให้มีการปรับขึ้นในวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 ตามสัญญาสัมปทานของรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเล็ต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
ในส่วนของทางด่วน BEM ยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ ในทางด่วน 3 สาย “ทางพิเศษเฉลิมมหานคร-ศรีรัช-อุดรรัถยา” ทุกวันหยุดนักขัตฤกษ์ ซึ่งปัจจุบันกำหนดไว้ 19 วัน
นอกจากนี้ BEM ยังได้ลดค่าผ่านทางพิเศษ ที่ “ด่านอาจณรงค์ 1” จากทางพิเศษฉลองรัช เข้าทางด่วนขั้นที่ 1 ไปบางนา ในอัตรา 25 บาทต่อเที่ยว สำหรับรถทุกประเภท เป็นเวลา 1 ปี ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 63 – 30 มิถุนายน 2564
ในด้านปริมาณผู้ใช้ทางด่วนและผู้โดยสารรถไฟฟ้า ดร.สมบัติกล่าวว่า จากนโยบายของรัฐบาลและความร่วมมือจากประชาชนเป็นอย่างดี ทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดลดลงจนเป็นศูนย์ ปัจจุบันปริมาณผู้ใช้ทางด่วนกลับมาเกือบจะเข้าสู่ภาวะปกติ โดยภาพรวมอยู่ที่ 1.2 ล้านคันต่อวัน ปริมาณผู้โดยสารที่ใช้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินกลับมาประมาณ 60% หรือประมาณ 250,000 เที่ยวคน/วัน
คาดว่าตั้งแต่เปิดเทอมวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ปริมาณผู้ใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นอีก สถานการณ์น่าจะปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญก็คือการร่วมมือกันของประชาชนทุกคนที่ไม่ประมาทการ์ดไม่ตกไม่ให้เชื้อไวรัสโควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดซ้ำอีก
นอกจากนั้นในช่วงเดือนมิถุนายน ถึงสิงหาคม 2563 BEM ยังได้จัดโครงการ “Healthy Journey with BEM” โดยการแจกหน้ากากผ้า 1 ล้านชิ้นฟรี! ให้กับผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT หน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนโรงเรียน ชุมชนต่างๆ ที่อยู่โดยรอบเส้นทางทางด่วนและรถไฟฟ้า