วันที่ 14 สิงหาคม 2563 นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมรับทราบความคืบหน้าและติดตามแนวทาง บริหารจัดการระบบตั๋วร่วม สรุปดังนี้
1.ความคืบหน้าการจัดทำระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารจัดการตั๋วร่วม พ.ศ. …. ล่าสุดสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ไปร่วมชี้แจงรายละเอียดต่อสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอยู่ระหว่างการปรับร่างระเบียบฯ และจะส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาต่อไป
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
2.ความคืบหน้าการการพัฒนาระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ (AFC) ของระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนให้สามารถใช้บัตรโดยสารข้ามระบบ (Interoperable Ticketing System) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แจ้งว่า อยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการจัดทำคำสั่งเปลี่ยนแปลงงาน (Variation Order : VO)
คาดว่าจะสามารถลงนามได้ในเดือน ส.ค.นี้ และนำเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. พิจารณาให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ การพัฒนาระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ (AFC) ของระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนให้สามารถใช้บัตรโดยสารข้ามระบบจะใช้เวลาดำเนินการ 8 เดือน คาดว่าจะเริ่มปฏิบัติงานได้ภายในเดือน ก.ย.นี้
สำหรับ BTS ขณะนี้ได้ลงนามในสัญญาว่าจ้างพัฒนาระบบฯ แล้วเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา คาดว่าจะพัฒนาระบบฯ แล้วเสร็จภายในเดือน ต.ค.นี้ และทดสอบระบบได้ภายในเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งการทดสอบระบบระหว่างกันจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน
3.การกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการใช้บัตรโดยสารข้ามระบบ ขณะนี้ สนข. อยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวมข้อมูลเพื่อศึกษาวิเคราะห์อัตราค่าธรรมเนียมการใช้บัตรโดยสารข้ามระบบที่เหมาะสม คาดว่าจะนำเสนอคณะกรรมการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมได้ภายในเดือน ก.ย.นี้
4.ความคืบหน้าการดำเนินงานเกี่ยวกับระบบตั๋วร่วม
4.1 บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) ได้ว่าจ้างพัฒนาระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ (AFC) รองรับโครงการตั๋วร่วม ซึ่งผู้รับจ้างยังไม่สามารถส่งมอบแผนงานและส่งมอบงานจ้างพัฒนาระบบฯ ได้ตามสัญญา และยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ โดยผู้รับจ้างอ้างว่าประสบปัญหาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ซึ่งที่ประชุมได้มีมติให้ รฟฟท. เร่งรัดให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด และให้ดำเนินการต่าง ๆ โดยยึดสัญญาเป็นหลัก
4.2 กรมเจ้าท่า (จท.) ได้ดำเนินการพัฒนาท่าเรือที่อยู่ในความรับผิดชอบ จำนวน 17 ท่า ปัจจุบันมีท่าเรือที่ปรับปรุงแล้วเสร็จ จำนวน 8 ท่า พร้อมรองรับการดำเนินการพัฒนาระบบตั๋วร่วม ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการรายใดมีความพร้อมดำเนินการ จท. พร้อมจะสนับสนุน
ทั้งนี้ ได้กำชับให้หน่วยงานต่าง ๆ เร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด โดยยึดถือข้อกฎหมายเป็นสำคัญ