“กลุ่มหมอเสริฐ” ดึงบริษัทระดับโลกออกแบบแผนแม่บท “เมืองการบินอู่ตะเภา” เข้าสำรวจพื้นที่ ก.ย. นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2563 คณะผู้บริหารบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด นำโดย นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ นายภาคภูมิ ศรีชำนิ และ นายกวิน กาญจนพาสน์ นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา แถลงถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก ครั้งที่ 1
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- พบรอยร้าวบ่อฝังกลบกากแคดเมียมของ เบาด์ แอนด์ บียอนด์
- เปิดไทม์ไลน์ลูกค้าซิตี้แบงก์ต้องรู้! ก่อนโอนย้ายบัญชีมาเป็น “ยูโอบี” 21 เม.ย.นี้
หลังเซ็นสัญญารับสัมปทาน 50 ปีกับกองทัพเรือและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ในนามกลุ่ม BBS ประกอบด้วย บมจ.การบินกรุงเทพ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จัดตั้งขึ้นมาด้วยทุนจดทะเบียน 4,500 ล้านบาท ไปเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2563 โดยเสนอผลตอบแทนให้รัฐ 305,555 ล้านบาท
นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ ประธานคณะผู้บริหาร บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2563 บริษัทได้ทำการจัดส่งแผนแม่บทตามที่กำหนดในสัญญาร่วมลงทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก (แผนแม่บทฯ) เพื่อกำหนดตำแหน่งและจุดเชื่อมโยงของโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคที่สำคัญต่างๆ ในโครงการฯ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ตามกำหนดเวลาภายใน 60 วัน นับจากวันที่ลงนามในสัญญาร่วมลงทุนฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“บริษัทเดินหน้าอย่างเต็มที่ในการจัดทำแผนแม่บทพัฒนาโครงการสนามบินอู่ตะเภา เป็นแกนหลักสำคัญต่อการพัฒนา เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และต่อการยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค”
โดยแผนแม่บทมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงจุดเชื่อมโยงของโครงการกับโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคที่สำคัญ เพื่อให้อีอีซี สามารถประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ ให้สนับสนุนการพัฒนาโครงการได้อย่างเต็มที่ โดยมีรายละเอียดที่สำคัญ คือการยืนยันแนวเส้นทางของรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน การแสดงแนวเส้นทางระบบโครงข่ายถนนเชื่อมต่อสู่สนามบินและเมืองการบิน การแสดงข้อมูลของรันเวย์ที่ 2 ที่ทางกองทัพเรือเป็นเจ้าของโครงการและการแสดงแนวเส้นทางของระบบสาธารณูปโภคไฟฟ้า ประปา และระบบเชื้อเพลิงเข้าสู่สนามบิน
นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการบมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์คอนสตตรัคชั่น กล่าวอีกว่า บริษัทได้มอบหมายให้กลุ่มบริษัท OPi ซึ่งประกอบไปด้วย Oriental Consultants Global (OCG), Pacific Consultants (PCKK), IBIS Company Limited (IBIS) เป็นผู้ดำเนินการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา
สำหรับ Lead Consulting Firm ซึ่งนำโดย OCG และ PCKK นั้นเป็นบริษัทที่ให้การบริการด้านงานวิศวกรรมที่ปรึกษาซึ่งมีความเชี่ยวชาญในงานโครงการระบบสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ในระดับนานาชาติ อันประกอบด้วยงานศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการฯ, งานจัดทำแผนแม่บท, งานออกแบบ และงานควบคุมงานก่อสร้าง โดยเฉพาะกลุ่มงานสนามบินซึ่งเป็นงานที่เชี่ยวชาญอย่างยิ่ง โดยผลงานสำคัญได้แก่ สนามบินนาริตะ, สนามบินฮาเนดะ, สนามบินคันไซ, สนามบิน Changi รวมถึงงานสนามบินสุวรรณภูมิ โดยมีประสบการณ์มากกว่า 4,500 โครงการใน 150 ประเทศ
นอกจากนี้ในกลุ่มบริษัท OPi จะมี IBIS Company Limited ซึ่งเป็นบริษัทวิศวกรที่ปรึกษาสัญชาติไทยที่มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญสูงในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ทางด่วน, ทางรถไฟ, ระบบขนส่งสาธารณะ และการบิน ทั้งในและต่างประเทศ และบริษัท To70 (Thailand) Company Limited ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาทางด้านวิศวกรรมการบินและธุรกิจการบินระดับโลกซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่ประเทศไทย โดยนับเป็นการผสมผสานระหว่างแนวคิดทางตะวันตก กับแนวทางการทำงานของตะวันออก โดยมีความเป็นไทยผสมอยู่อย่างลงตัว เพื่อให้เป็นสนามบินนานาชาติระดับโลกที่มีเอกลักษณ์ของความเป็นไทยอีกด้วย
สำหรับความคืบหน้าอื่นๆ ของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ภายในช่วงระยะเวลา 2 เดือนนับจากเซ็นสัญญา ได้แก่ การสำรวจพื้นที่เบื้องต้น เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และการขออนุมัติเข้าพื้นที่สนามบินอู่ตะเภาเพื่อทำการสำรวจ Topographic เพื่อประกอบการออกแบบและก่อสร้าง ซึ่งทาง UTA คาดว่าจะเข้าสำรวจพื้นที่จริงและรับมอบพื้นที่จากทาง EEC ได้ภายในต้นเดือนกันยายน 2563
นอกจากนี้ยังมีการเข้าสำรวจพื้นที่ศูนย์ซ่อมบำรุงเครื่องบินของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อเตรียมการรื้อย้ายและเคลียร์พื้นที่สำหรับการก่อสร้างรันเวย์ที่ 2 และอาคารผู้โดยสารแห่งใหม่
นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะดำเนินการพัฒนาโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ให้เป็น “ศูนย์กลางอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และ Logistics & Aviation” รวมถึง การเป็นศูนย์กลางของ “มหานครการบินภาคตะวันออก” เพื่อเป็นการสานต่อเจตนารมณ์ในการพัฒนาอีสเทิร์นซีบอร์ดจากรัฐบาลที่ต้องการให้เกิดเป็นเมืองท่าและเมืองธุรกิจสำคัญของประเทศไทย ที่สามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างสะดวกสบาย ทันสมัย ทั้งทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ