แสนสิริสรุปผลงาน 9 เดือน โอนพุ่ง 34,700 ล้านบาท โต 122%

คอนโดโอนทะลักโต 211% ด้วยยอดโอนล่าสุด 20,200 ล้านบาทไตรมาสสุดท้ายจ่อโอนอีก 4 โครงการ พร้อมโอน “ลา ฮาบานา” คอนโดสุดชิคกลางหัวหินวางเป้าโอน 80% ภายในสิ้นปีนี้
 
SIRI – แสนสิริสรุปผลงานรอบ 9 เดือน 2563 ยอดโอนพุ่งรวม 34,700 ล้านบาท โตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 122% ขยับใกล้เป้าหมายโดยคิดเป็น 83% จากเป้าโอน 42,000 ล้านบาท

แบ่งเป็นยอดโอนจากโครงการแนวราบ 14,500 ล้านบาท และยอดโอนจากคอนโดมิเนียมสูงถึง 20,200 ล้านบาท โตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 211% และคิดเป็น 82% จากเป้าโอนคอนโดมิเนียมที่วางไว้ 24,500 ล้านบาท

ไตรมาสสุดท้ายจ่อคิวโอนอีก 4 คอนโดมิเนียม XT เอกมัย, โอกะ เฮาส์, ดีคอนโด ธาร จรัญฯ ล่าสุดเตรียมโอน “ลา ฮาบานา” คอนโดตากอากาศสุดชิค สีสันใหม่ใจกลางหัวหิน มูลค่ากว่า 2,400 ล้านบาท วันที่ 16-18 ตุลาคมนี้

ตอกย้ำความเจ้าตลาดหัวหิน คาดลูกค้าตอบรับโอนดีจากความเชื่อมั่นในแบรนด์แสนสิริ ทำเลศักยภาพตั้งอยู่ใจกลางหัวหิน ใกล้หาดหัวหินเพียง 250 เมตร ดีไซน์โดดเด่นแรงบันดาลใจจากเมืองตากอากาศระดับโลก Havana ประเทศคิวบา ในราคาที่เข้าถึงง่าย พร้อมด้วย Sansiri Service ที่ยืนหนึ่งในใจผู้บริโภค ปัจจัยสำคัญที่ทำให้กลุ่มลูกค้าเลือกแสนสิริ

อุทัย  อุทัยแสงสุข

นายอุทัย  อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI   เปิดเผยว่า แสนสิริประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในรอบ 9 เดือน โดยสร้างผลงานปิดการขายโครงการที่อยู่อาศัยไปถึง 30 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 58,200 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมีผลงานการโอนที่โดดเด่นทั้งในแนวราบและแนวสูง

โดยล่าสุดบริษัทมียอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่สร้างเสร็จสมบูรณ์และส่งมอบให้กับลูกค้าไปแล้วถึง 34,700 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นยอดการโอนที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของแสนสิริ เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 122% และคิดเป็น 83% จากเป้าโอน 42,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดโอนจากโครงการแนวราบ 14,500 ล้านบาท เติบโตขึ้น 59% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็น 83% จากเป้ายอดโอนแนวราบที่ตั้งไว้ 17,500 ล้านบาท

ขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมมียอดโอนล่าสุดสูงถึง 20,200 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 211% และคิดเป็น 82% จากเป้าโอนคอนโดมิเนียมที่วางไว้ 24,500 ล้านบาท ผลงานมาจากการโอนคอนโดมิเนียม อาทิ โครงการเดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ, คาวะ เฮาส์, เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101, เดอะ ไลน์ พหลฯ – ประดิพัทธ์ และ เดอะ ไลน์ วงศ์สว่าง เป็นต้น

นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทยังมีแผนโอนคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ อีก 4 โครงการได้แก่ XT เอกมัย, โอกะ เฮาส์, ดีคอนโด ธาร จรัญฯ โดยล่าสุดบริษัทยังได้เตรียมเปิดโอนส่งมอบโครงการ    “ลา ฮาบานา” (La Habana) หัวหิน คอนโดมิเนียมตากอากาศพร้อมอยู่ล่าสุดของแสนสิริในหัวหิน มูลค่าโครงการ 2,400 ล้านบาท ที่ประสบความสำเร็จด้วยยอดขายโครงการไปแล้วถึง 80% จากความเชื่อมั่นในแบรนด์แสนสิริในทำเลหัวหิน

ทั้งนี้ แสนสิรินับเป็นผู้บุกเบิกและเป็นเจ้าตลาดคอนโดมิเนียมตากอากาศในหัวหินมาอย่างยาวนานเป็นระยะเวลากว่า 36 ปี เปิดตัวโครงการแรก คือ  “บ้านไข่มุก” หัวหิน ในปี 2534 จากนั้นเป็นต้นมา แสนสิริประสบความสำเร็จจากการพัฒนาและปิดการขายโครงการคอนโดมิเนียมตากอากาศในทำเลชะอำ-หัวหินไปแล้วกว่า 23 โครงการ รวมถึงโรงแรม 1 แห่ง ทั้งนี้ บทพิสูจน์ความสำเร็จของแสนสิริในทำเลหัวหิน

ได้แก่ บ้านไข่มุก แฟล็กชิพคอนโดมิเนียมตากอากาศระดับลักซ์ชัวรีแห่งแรกของแสนสิริ โครงการยังคงมูลค่าสูงจนถึงปัจจุบันโดยมีราคาขายเปลี่ยนมือล่าสุดอยู่ที่ 80 ล้านบาท นอกจากนี้ยังประกอบด้วยโครงการที่ประสบความสำเร็จตามมาอีกหลายโครงการ รวมถึง “ลา กาซิตา” (La Casita) คอนโดฯ ตากอากาศพร้อมอยู่สไตล์สแปนิชใจกลางเมืองหัวหิน มูลค่าโครงการ 2,300 ล้านบาท ที่ได้รับเสียงตอบรับที่ดี กับยอดโอนกว่า 90% จากยอดขายลูกค้าชาวต่างชาติทั้งหมด

สำหรับคอนโดมิเนียมตากอากาศล่าสุดของแสนสิริในหัวหิน “ลา ฮาบานา” เป็นรีสอร์ทคอนโดมิเนียม เพียง 250 เมตรจากชายหาด นับเป็นจุดที่ชายหาดสวยที่สุดจากการแวดล้อมไปด้วยโรงแรมระดับ 5 ดาว ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมความสูง 8 ชั้น 3 อาคาร รวมทั้งสิ้น 652 ยูนิต ตั้งอยู่บนพื้นที่ 6 ไร่ สร้างความตื่นตาตื่นใจตอบโจทย์การพักผ่อนคลายร้อนด้วยสระว่ายน้ำขนาดใหญ่เกือบ 1,000 ตร.ม.

บนพื้นที่ส่วนกลางรวมกว่า 6,000 ตร.ม. ในราคา 2.39 – 10 ล้านบาท เพิ่มความสุขสนุกสนานของครอบครัว ผ่านทุก ๆ ส่วนของโครงการด้วยคอนเซ็ปต์ The Happy Colors of Hua Hin จากแรงบันดาลใจที่อยากให้ทุกการพักผ่อนเต็มไปด้วยความสนุกและความสดใส ให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสถึงท้องฟ้าและท้องทะเลของหัวหินในฤดูร้อนอย่างมีสีสัน บนทำเลใจกลางเมืองหัวหิน ติดกับแหล่งช้อปปิ้ง แหล่งแฮงค์เอาท์ และสิ่งอำนวยความสะดวกของหัวหินมากมาย

อาทิ ซิเคด้า มาร์เก็ต, แทมมารีน มาร์เก็ต, บลูพอร์ต หัวหิน, The Peri Hotel (เดอะ เภรี โฮเต็ล) หัวหิน บูทีค โฮเทล โปรเจกต์ล่าสุดภายใต้แบรนด์ The Standard ผู้นำด้านไลฟ์สไตล์และแบรนด์โรงแรมที่ขยายตลาดสู่ทวีปเอเชียเพิ่มเติมจากสาขาต่าง ๆ ที่มีอยู่มากมายทั่วทั้งทวีปอเมริกาและยุโรป รวมทั้งโรงพยาบาลกรุงเทพฯ ความพิเศษของโครงการลา ฮาบานา

คือ การออกแบบโครงการที่แสดงถึงเอกลักษณ์สไตล์ Havana เมืองตากอากาศชื่อดังระดับโลกในประเทศคิวบา ที่สะท้อนแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมดั้งเดิมของสเปน มาประยุกต์ใช้ในส่วนต่าง ๆ ของโครงการได้อย่างลงตัว ทั้งภายในห้องให้มีเรื่องราวของความสนุก ผสานกับการออกแบบด้วยเส้นสายของอาคารที่มีความสนุกสนานและมีชีวิตชีวา สีสันสดใสของกระเบื้องงานคราฟท์ที่ทำขึ้นด้วยมืออย่างประณีตทุกชิ้น ตลอดจนงานเพ้นท์มืออันเป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมสไตล์ Havana บนกำแพงล็อบบี้และฟิตเนส

“โครงการลา ฮาบานา เหมาะทั้งการซื้อเพื่อพักผ่อนหรือลงทุนขายเปลี่ยนมือ โดยมี Capital Gain อยู่ที่ 5 – 10% ต่อปี เรามองเห็นดีมานด์ทั้งจากคนไทยและชาวต่างชาติ อาทิ ชาวจีนที่มีแนวโน้มมองหาบ้านหลังที่สองในไทยที่มีความปลอดภัยและมีระบบสาธารณสุขที่ดี

นอกจากนี้ในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมายังพบว่า มีนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติเข้ามาในหัวหินเพิ่มขึ้นประมาณ 6% ต่อปี โดยกลุ่มลูกค้าในสัดส่วนยูนิตที่ขายไปแล้ว 80% เป็นกลุ่มคนไทย 60% และอีก 40% เป็นชาวต่างชาติ ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มลูกค้าชาวจีนในสัดส่วนมากที่สุด ทั้งนี้ บริษัทจะเปิดโอนส่งมอบโครงการเป็นครั้งแรกในวันที่ 16 – 18 ตุลาคมนี้

นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นที่ช่วยให้ลูกค้าเป็นเจ้าของโครงการได้ง่ายขึ้น อาทิ โปรไร้ดอก ผ่อนเพียง 2,999 บาท นาน 24 เดือน* แถมเล่นใหญ่ จัดโบนัสให้ไปเต็มๆ สูงสุด 150,000 บาท* ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ธันวาคมนี้ พร้อมรับประกันสุขภาพจากวิริยะประกันภัย เพื่อชีวิตดีดีของทุกคน กับสิทธิพิเศษ ความคุ้มครองสูงสุดถึง 770,000 บาท ที่โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำในเครือ BDMS” นายอุทัย กล่าว

ทั้งนี้ คาดว่า ลา ฮาบานา จะเป็นอีกหนึ่งคอนโดมิเนียมที่สร้างยอดโอนที่ดี จากความเชื่อมั่นในแบรนด์แสนสิริ ทำเลที่ตั้งโครงการศักยภาพใจกลางเมืองหัวหินและใกล้หาดหัวหิน ดีไซน์ที่โดดเด่นแรงบันดาลใจจากเมืองตากอากาศระดับโลก ในราคาที่เข้าถึงง่าย และการสะท้อนความเชื่อมั่นในการเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้านด้วยมาตรฐานการออกแบบและคุณภาพโครงการ

ตลอดจนบริการหลังการขายหรือ Sansiri Service ที่สามารถครองใจผู้บริโภค จากการเป็นผู้นำด้านการบริการในที่อยู่อาศัยและความมั่นใจสูงสุดด้านความปลอดภัยจาก LIV-24 ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญอันดับหนึ่งที่ทำให้กลุ่มลูกค้าเลือกแสนสิริ โดยบริษัทวางเป้าโอนโครงการไว้ประมาณ 80% ภายในปลายปีนี้