พฤกษาชู Thinking Company เป้าลดต้นทุน 30% สู้วิกฤตโควิด

Q3/63 พฤกษาฯเปิด 6 โครงการทำรายได้ 6,353 ล้านบาทโต 3% จากไตรมาส 2/63 กำไรสุทธิ 603 ล้านบาท inventory ลดลง 31% ไตรมาส 4/63 เตรียมเปิดโครงการใหม่ เน้นฮีโร่โปรเจ็กต์-ระบายสต๊อก หวังผลักดันรายได้ตามเป้า 31,000 ล้านบาท

นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/63 มียอดขาย 6,584 ล้านบาท เติบโตขึ้น 88% จากไตรมาส 2/63 ที่มียอดขาย 3,507 ล้านบาท มีรายได้ 6,353 ล้านบาท เติบโต 3% จากไตรมาส 2/63 ที่มีรายได้ 6,166 ล้านบาท กำไรขั้นต้นโตเล็กน้อย 32.1% 4,315 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 2/63 ที่มีกำไรขั้นต้น 31.9% 4,200 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 603 ล้านบาท เติบโต 9.4% จากไตรมาส 2/63 ที่มีกำไรสุทธิ 417 ล้านบาท

ขณะที่ SG&A (ต้นทุนการบริหารโครงการ) ลดลงเหลือ 18.1% 1,156 ล้านบาท จากเดิม 21.5% 1,339 ล้านบาท บริษัทมีแบ็กล็อก 25,605 ล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์เฮาส์ 1,553 ล้านบาท, บ้านเดี่ยว 716 ล้านบาท, คอนโดฯ-แวลู 7,864 ล้านบาท และคอนโดฯ-พรีเมี่ยม 15,472 ล้านบาท ส่วน inventory ลดลง 31% เหลือ 17,223 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 1/63 ที่มี 20,391 ล้านบาท

“ไตรมาส 1/63 เปิดใหม่ 5 โครงการ มูลค่า 5,330 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 2/63 มีปัญหาโควิดเกิดขึ้น จึงไม่มีการเปิดใหม่ เพื่อรักษาแคชโฟลว์และเน้นระบายสต๊อกเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ได้ยกเลิกคอนโดฯ The Tree จรัญฯ 1,400 ล้านบาท ทำให้รายได้ลดลง 50% ส่วนไตรมาส 3/63 เปิดใหม่ 6 โครงการ 8,290 ล้านบาท เน้นโครงการฮีโร่โปรเจ็กต์ ซึ่งลูกค้ามีโพเทนเชียลสูงและตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพ ทำให้มีสัดส่วนยอดขาย 19% และมีสัดส่วนรายได้ 23% ของภาพรวมทั้งบริษัท”

สำหรับไตรมาส 4/63 วางแผนเปิดใหม่ 2 โครงการ ทำให้ปี 2563 เปิดตัวใหม่ 13 โครงการ ลดลง 17 โครงการ เทียบกับแผนตอนต้นปีที่ประกาศไว้ว่าจะมีการเปิดตัวใหม่ 30 โครงการ

โดยรายละเอียด 2 โครงการใหม่ ได้แก่ The Plant รังสิต-อเวนิว มูลค่า 985 ล้านบาท บนที่ดิน 36 ไร่ ออกแบบเป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 212 ยูนิต ราคา 3-5 ล้านบาท ทำเลติดถนนรังสิต-นครนายก ใกล้รถไฟฟ้าสายสีแดงและทางยกระดับอุตราภิมุข เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ 50,000-70,000 บาท และพฤกษาวิลล์ ศรีนครินทร์-บางนา มูลค่า 1,101 ล้านบาท บนที่ดิน 32 ไร่ ออกแบบเป็นทาวน์เฮาส์ฟังก์ชั่นบ้านเดี่ยว 388 ยูนิต ราคา 2-3 ล้านบาท ทำเลใกล้เมกาบางนา

การแข่งขันไตรมาส 4/63 มองว่าตลาดรวมยังเน้นสงครามราคาและโปรโมชั่นเพื่อระบายสต๊อกสะสม โดยพฤกษาฯวางแผนทยอยโอนคอนโดฯ The Reserve สุขุมวิท 61 มูลค่า 2,700 ล้านบาท เมื่อประกอบกับรายได้จากการโอนฮีโร่โปรเจ็กต์ 32% และโครงการอื่น ๆ 55% บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถทำรายได้ตามเป้า 31,000 ล้านบาท

นายปิยะกล่าวถึงแผนลงทุนปี 2564 ด้วยว่า ตั้งเป้าเติบโต 10% จากปีนี้ โดยวางแผนเปิดโครงการใหม่ 30-35 โครงการ ไฮไลต์คือเพิ่มบทบาทฮีโร่โปรเจ็กต์มากขึ้น โดยคาดว่าพฤกษาฯจะสามารถพลิกฟื้นกลับมามีรายได้ระดับ 40,000-50,000 ล้านบาทได้อีกครั้งภายในปี 2565 ซึ่งเป็นรายได้ก่อนจะมีโรคระบาดโควิด

“เรื่องใหม่พฤกษาฯมีการปรับเปลี่ยนบิสซิเนสโมเดลจาก operation company มาเป็น thinking company งานบางอย่าง เช่น งานก่อสร้างโครงการแนวราบจากที่เคยใช้ผู้รับเหมารายเล็กจำนวนมาก ก็เปลี่ยนมาใช้รายใหญ่แทน ลดการใช้ทีมผู้รับเหมา 20-30 ชุด เหลือ 3-4 ชุดเท่านั้น ทำให้คอสต์ก่อสร้างลดลง 20-30% โดยปี 2562 มีโครงการอยู่ระหว่างขาย 200 กว่าโครงการ ในอนาคตต้องการลดเหลือ 100 โครงการต้น ๆ เราก็เลยเรียกว่าฮีโร่โปรเจ็กต์”

นายปิยะอธิบายเพิ่มเติมการเป็น thinking company ว่า นับจากนี้ไปบริษัทให้ความใส่ใจถึงความต้องการของลูกค้า customer value มากขึ้น เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบที่ให้พนักงานทำ customer research เข้าไปพูดคุยกับลูกค้าเพื่อให้รู้และเข้าใจลึกซึ้งถึงความต้องการของลูกค้าในแต่ละเซ็กเมนต์ ซึ่งบริษัทคาดหวังว่าจะส่งผลให้การออกโปรดักต์ในปีหน้าตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากขึ้น

“ปีหน้าโปรดักต์เรือธง เดิมบ้านเดี่ยวราคา 3-5 ล้านบาทมีค่อนข้างมาก ต้องการเพิ่มกลุ่มราคา 5-15 ล้านบาท, เพิ่มพอร์ตรายได้ทาวน์เฮาส์ 2-3 ล้านบาท และคอนโดฯ 2-5 ล้านบาทมากขึ้น เจาะฐานลูกค้ามีรายได้ 30,000-200,000 บาท ควบคู่กับลดบทบาทเซ็กเมนต์ต่ำกว่า 2 ล้านบาท ได้แก่ ทาวน์เฮาส์แบรนด์บ้านพฤกษากับพลัมคอนโด สัดส่วนรวมกันจาก 40% เหลือ 30%”