“ประยุทธ์” เปิดเดินเรือไฟฟ้าวิ่งเจ้าพระยา อวด 5 ปี ประเทศเปลี่ยนไปเยอะ

“ประยุทธ์” เปิดเดินเรือไฟฟ้าเจ้าพระยาแฮปปี้ ชี้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เผยวางทุกการพัฒนาสายหลัก-ฟีดเดอร์ไว้แล้ว ขอทุกภาคส่วนร่วมมือ เพราะรัฐทำคนเดียวไม่ได้ ชี้ติได้แต่อย่าแรง โว 5 ปีที่อยู่ประเทศเปลี่ยนเยอะ อ้อนเขาไม่รัก เราต้องรักเขา

เมื่อเวลา 15.00 น. ที่อาคาร CAT TOWER บางรัก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการทดลองเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และนายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) ให้การต้อนรับ

พลิกโฉมประวัติศาสตร์การเดินเรือไทย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งานในวันนี้ถือเป็นการเปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์การเดินเรือของประเทศไทย สิ่งนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลทำเพื่อมุ่งหวังยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งให้ความสำคัญในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานไม่ว่าจะทางบก เรือ ราง อากาศ เป็นการดำเนินงานที่ทำมาต่อเนื่อง และทยอยสัมฤทธิ์ผลตามเวลาที่วางไว้ และจะทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงโอกาสอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม และนำโอกาสดังกล่าวมาสร้างรายได้และประโยชน์ทั้งต่อตัวเองและครอบครัว

รัฐบาลทำคนเดียวไม่ได้

“หลักการ ผมให้ไปแล้วว่าให้คำนึงถึงความประหยัด สะดวกสบาย และความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ และผมยินดีที่กระทรวงคมนาคมร่วมมือกับภาคเอกชนในการทำโครงการร่วมมือต่างๆขึ้นมา เพราะรัฐบาลไม่สามารถดำเนินการได้เพียงลำพัง เราต้องร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาคธุรกิจเอกชน ภาคราชการ ภาคประชาสังคม และประชาชน ไม่งั้นโครงการต่างๆก็เดินหน้าไม่ได้ เพราะยังมีความขัดแย้ง” พลเอกประยุทธ์กล่าว

ระบบขนส่งหลัก-รองวางไว้แล้ว

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า เป้าหมายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมจะต้องครอบคลุมทุกพื้นที่ การเชื่อมต่อการเดินทางล้อ-ราง-เรือจะต้องไร้รอยต่อ ระบบขนส่งมวลชนสายหลักและฟีดเดอร์ โดยเฉพาะการขนส่งทางน้ำจะต้องก้าวหน้าและมีมาตรฐานทัดเทียมนานาประเทศ รัฐบาลและกระทรวงคมนาคมวางแผนไว้หมดแล้ว

ห่วงประชาชนใช้เรือ ต้องใส่หน้ากาก

ทั้งนี้ เรือไฟฟ้าที่นำมาทดลองเป็นระบบปรับอากาศ จึงเป็นห่วงทุกคนอยากให้ใส่หน้ากากอนามัยขณะโดยสาร มาตรการ Social Distancing ต้องเข้มงวดด้วย ทำให้ครบ เวลามีปัญหาต้องแก้ มีอุปสรรคต้องแก้ ปัญหาเป็นสิ่งที่ต้องเจอทุกคน ต้องเอาชนะให้ได้

“วันนี้ เรือไฟฟ้าสามารถลดมลพิษได้ปีหนึ่งมหาศาล วันหน้า รัฐบาลจะเดินหน้าให้รถทุกประเภททั้งรถสาธารณะ แท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง และอื่นๆไปสู่การเป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้า (EV) ทั้งหมด แต่ทุกอย่างต้องไปตามขั้นตอน “

เตือนรับฝุ่น PM2.5 รีเทิร์น 22-29 ธ.ค.นี้

นอกจากนี้ นายกฯยังฝากระวังการกลับมาของฝุ่น PM2.5 ว่า กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่าในวันที่ 22-29 ธ.ค. 2563 นี้ สภาพอากาศจะปิด อาจจะทำให้ค่าฝุ่นกลับมาสูงอีกครั้ง ขอให้ทุกคนใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง ผู้ที่มีรถยนต์ก็ให้แก้เรื่องการปล่อยควันดำ ทุกคนต้องช่วยกัน เมื่อเราทำร่วมกันก็จะกลายเป็นพลัง ไม่มีปัญหาอะไรแก้ได้โดยเร็ววัน ทุกอย่างทยอยดำเนินการ อะไรก่อน-หลัง ก็ว่ากันไปตามแผน

ชี้ด่าได้แต่อย่าแรง

ส่วนการแก้ปัญหาไวรัสโควิด-19 รัฐบาลมีมาตรการต่างๆลงไปหมดแล้ว เหลือแต่พวกเราต้องให้ความร่วมมือกัน อย่าตื่นตระหนกเกินไป เพราะตอนนี้สถานการณ์ยังควบคุมได้อยู่ มีอุปสรรคปัญหาก็แก้ไป เตือนกันเข้ามาได้ ไม่ใช่โจมตีให้ร้ายกัน มันจะสับสนอลหม่าน ประเทศเดินหน้าไม่ได้ เพราะวันนี้รัฐบาลต้องแก้ทั้งโควิดด้วยและเศรษฐกิจด้วย แต่ตนไม่ได้ว่าอะไรท่านอยู่แล้ว

5 ปีประเทศเปลี่ยนเยอะ

“5 ปีที่ผ่านมา หลายอย่างเกิดขึ้นมากมายพอสมควร หลายคนอาจไม่สังเกต แต่ 5 ปีที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มเส้นทางคมนาคม, การพัฒนาท่าเรือ, เรือไฟฟ้า ในคลองผดุงกรุงเกษม , การเอาสายไฟ-สายไฟฟ้าลงดิน ลองขึ้นเครื่องบินแล้วมองลงมา จะเห็นว่าอะไรๆเปลี่ยนไปเยอะ เพราะฉะนั้น ทุกท่านต้องร่วมกันพัฒนาบ้านเมืองอันเป็นที่รักยิ่งของเรา” นายกฯกล่าว

แนะเพิ่มเรือท่องเที่ยว-ยกเครื่องเอี้ยมจุ๊น

นอกจากนี้ พลเอกประยุทธ์ยังได้คอมเม้นท์ถึงเรือไฟฟ้าว่า เรือไฟฟ้าเหล่านี้จะปรับเป็นเรือท่องเที่ยวได้หรือไม่ หรือแม้แต่การปรับเรือเอี้ยมจุ๊นต่างๆให้ใช้ระบบไฟฟ้า แบบที่โรงแรม-ภัตตาคารริมน้ำมักดัดแปลงมาใช้ไฟฟ้าได้หรือไม่ แต่อย่าให้เกิดผลกระทบกัน

อ้อน “เขาไม่รัก เราต้องรักเขา”

ช่วงท้าย นายกฯกล่าวว่า เห็นว่าเรือไฟฟ้าจะให้บริการถึงวันที่ 14 ก.พ. 2564 ซึ่งถือเป็นวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก ขอให้ทุกคนมีแต่ความรัก ผมเองรักประชาชน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และครอบครัว ก็มีเท่านี้สำหรับผม ถึงเขาไม่รักเรา เราก็ต้องรักเขา

ดังนั้น สิ่งต่างๆที่รัฐบาลทำมุ่งหวังให้เกิดผลดีกับประชาชน ไม่ได้หวังผลประโยชน์ที่จะได้รับ วันหน้า เราอาจจะเป็นประเทศชั้นนำ ถ้าเราแก้ปัญหาโรคระบาดนี้ได้