“ออริจิ้น” กวาดยอดพรีเซลทั้งปี 63 ทะลุ 25,600 ล้าน ชู Key Success ปรับตัวต่อเนื่องทั้งก่อนและหลัง COVID-19 เพิ่มสัดส่วนบ้านจัดสรร รักษาระดับลุยธุรกิจคอนโด วิเคราะห์และปรับกลยุทธ์เจาะดีมานด์ถูกกลุ่มดันยอดกลุ่ม Ready to move ได้โดดเด่น จับตาโครงการใหม่ “ไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 4” โกยยอดขายแล้ว 98% คาด COVID-19 ระลอกใหม่กดดันตลาดระยะสั้น ไม่กระทบภาพรวมทั้งปี 64 หลังภาคอสังหาฯมีประสบการณ์แข็งแกร่ง และจะมีวัคซีนเป็น Game Changer
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวว่า ภาพรวมยอดขาย (Presale) ของบริษัทปี 2563 อยู่ที่ 25,600 ล้านบาท สูงกว่าเป้า 21,500 ล้านบาท สวนทางสภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวม
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
“Key Success ของธุรกิจคือเรื่องการปรับตัวอย่างต่อเนื่องทั้งช่วงก่อนและหลัง COVID-19 ส่งผลให้ปี 2563 เป็นปีที่เราทำตลาดที่อยู่อาศัยกลุ่ม Ready to move ได้ค่อนข้างโดดเด่น คิดเป็นสัดส่วน 65% ของยอดขายทั้งหมด ขณะเดียวกัน การวิเคราะห์ตลาด การเลือกทำเลและเซ็กเมนท์ที่มีศักยภาพทำให้ค้นหาเรียลดีมานด์เจอ พัฒนาสินค้าคุณภาพที่มีทั้ง Living Solution และ Reaching Solution ตอบโจทย์ความต้องการ และสร้างยอดขายในกลุ่มโครงการเปิดตัวใหม่ได้ดีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดขายรวมทั้งปี 2563 เหนือกว่าเป้าหมาย” นายพีระพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ปรับตัวหลายอย่างตั้งแต่ช่วงก่อน COVID-19 อาทิ ปรับสัดส่วนพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรภายใต้บริษัท บริทาเนีย จำกัด เพิ่มขึ้น ครอบคลุมกลุ่มราคา 2-5 ล้านบาทภายใต้แบรนด์ไบรตัน (Brighton), เซ็กเมนท์ 7-10 ล้านแบรนด์แกรนด์บริทาเนีย (Grand Britania) และเซ็กเมนท์ 25 ล้านบาทขึ้นไปแบรนด์เบลกราเวีย (Belgravia) ส่งผลให้มียอดขายบ้านจัดสรรสัดส่วน 25%
ขณะเดียวกัน บริษัทยังรักษาระดับการพัฒนาคอนโดมิเนียมในปริมาณใกล้เคียงเดิม แต่ใช้หลากหลายกลยุทธ์เพื่อให้เข้าถึงตลาดได้กว้างขึ้น อาทิ การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ โซโห แบงค็อก (SOHO Bangkok) โครงการแรกบนทำเลรัชดาเพื่อขยายฐานตลาดไฮเอนด์เพิ่มขึ้น เปิดตัวปลายไตรมาส 4/63 มียอดขายแล้ว 60% โครงการร่วมทุนกับพันธมิตรเกาหลีใต้ “ไนท์บริดจ์ สเปซ สุขุมวิท พระราม 4” มียอดขาย 98% ด้านแบรนด์ดิ ออริจิ้น ก็ใช้กลยุทธ์ใหม่ๆ เช่น Origin Next Normal ลดต้นทุนการบริหารจัดการที่ไม่กระทบต่อตัวสินค้า เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงโครงการที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น
ขณะที่โครงการกลุ่ม Ready to move ประสบความสำเร็จจากโครงการ Everyone can sell โครงการที่เปิดโอกาสให้พนักงานเครือออริจิ้น 1,200 คนเป็น Micro-Influencer สร้างยอดขายด้วยการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายตัวเอง สร้างยอดขายในปีนี้ 10% ของยอดขายทั้งปี
สำหรับปี 2563 นั้น ถือเป็นปีที่ภาคเศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์มีการปรับฐานครั้งใหญ่จากปัจจัยที่ไม่เคยเผชิญมาก่อน และน่าจะเป็นจุดพักฐานที่ต่ำที่สุดในรอบหลายปี แนวโน้มปี 2564 สถานการณ์ COVID-19 ระลอกใหม่ อาจเข้ามามีส่วนกดดันตลาดในระยะสั้นช่วงต้น-กลางไตรมาส 1/64 แม้ระยะยาวอาจจะต้องจับตากันอย่างต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าเรื่องดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมทั้งปีของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และภาพรวมทั้งปี 2564 จะยังเติบโตได้มากกว่าปี 2563
“ปีนี้เรามีตัวพลิกเกม หรือ Game Changer ที่ชัดเจนกว่าปี 2563 คือการทยอยฉีดวัคซีนทั่วโลกและโอกาสกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง เรื่องดังกล่าวจะส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อมให้ผู้บริโภคกลับมามีกำลังซื้อและมีความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ขณะเดียวกันทุกภาคส่วนของไทยก็มีความตื่นตัวต่อสถานการณ์ มีความจริงจังต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว ออริจิ้นและผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่นๆ เอง ก็มีประสบการณ์การปรับตัวและการรับมือกับความท้าทายต่างๆ ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา เชื่อว่าทั้งหมดจะเป็นปัจจัยสำคัญให้ภาพรวมตลาดปี 2564 ขับเคลื่อนไปได้มากกว่าปี 2563” นายพีระพงศ์ กล่าว
นอกจากนี้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ยังมีโอกาสได้รับปัจจัยบวกอื่นๆ เพิ่มเติมในปี 2564 อาทิ การได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับ 1 ของประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) จากบลูมเบิร์ก และนโยบายไทยแลนด์ อีลิท การ์ด ที่จะเข้ามามีส่วนสำคัญในการผลักดันให้ตลาดฮ่องกง สิงคโปร์ และอีกหลากหลายชาติที่สนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งสนใจตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยมากกว่าเดิม สำหรับออริจิ้นเอง เตรียมพร้อมทั้งการวางแผนและการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดรับกับทุกปัจจัยที่อาจจะเข้ามาในปี 2564