“ประยุทธ์” ไม่ตอบคำถามจะชะลอเก็บค่าโดยสารสายสีเขียว 15-104 บาท

ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหม
ROYAL THAI GOVERNMENT /

ผู้ว่าฯ กทม. เดินหน้าเก็บค่าโดยสารใหม่รถไฟฟ้าสายสีเขียว ราคา 15-104 บาท วันที่ 16 ก.พ.นี้ ยกเว้นรัฐบาล หรือ ครม.มีคำสั่ง ด้าน “ประยุทธ์” ไม่ตอบ” จะชะลอหรือไม่

หลังจาก พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ออกประกาศกรุงเทพมหานคร อัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวใหม่ ราคา 15-104 บาท โดยอาศัยอำนาจตามข้อ 4 แห่งข้อบัญญัติ กทม. เรื่อง ค่าบริการระบบขนส่งมวลชน กทม. 2552 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ. 2564 นี้

ขณะเดียกัน ”กระทรวงคมนาคม” และกรรมาธิการคมนาคม ได้ออกมาเรียกร้องให้ กทม.ชะลอเก็บค่าโดยสารใหม่ออกไปก่อน

ด้านความเคลื่อนไหวของ ”พล.ต.อ.อัศวิน” เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา ยังยืนยันจะเก็บค่าโดยสารใหม่ในวันที่ 16 ก.พ.นี้ หากจะชะลอได้มีกรณีเดียว คือ รัฐบาลหรือคณะรัฐมนตรี (ครม.) สั่งให้ชะลอ

“ค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว ราคาสูงสุด 104 บาท ไม่ได้แพงเกินไป และรถไฟฟ้าสายอื่นก็เก็บค่าโดยสารไม่ได้ถูกกว่ารถไฟฟ้าสายสีเขียวแต่อย่างใด สามารถเปรียบเทียบกันได้แบบ กม. ต่อ กม. อย่างสายสีน้ำเงิน ค่าโดยสาร 1.62 บาท/กม. ส่วนสายสีเขียว 1.23 บาท/กม. และสายอื่นรัฐออกค่าก่อสร้างให้ทั้งหมดกว่า 1 แสนล้าน แต่สายสีเขียวรัฐไม่ได้ออกค่าก่อสร้างให้แม้แต่สลึงเดียว และ กทม.ทำถูกต้องตามขั้นตอน พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ หากไม่ถูกต้องให้ยื่นฟ้องต่อ ป.ป.ช.ได้เลย“

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวของ “ประชาชาติธุรกิจ” ได้ส่งคำถามสอบถามความคืบหน้า หลัง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีการแถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี

โดยถามว่า “นายกฯ/ครม.จะสั่งชะลอการขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวอัตราใหม่ 15-104 บาท ในวันที่ 16 ก.พ. 2564 นี้ออกไปก่อนหรือไม่ เพื่อบรรเทาค่าครองชีพให้ประชาชนใน กทม. เพราะผู้ว่าฯ กทม.เคยบอกไว้ว่า ผู้ที่มีอำนาจชะลอการเก็บค่าโดยสารอัตราใหม่ได้คือนายกฯ และ ครม.”

ทั้งนี้ ”พลเอกประยุทธ์“ ไม่ได้ตอบคำถามกรณีรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีการขึ้นค่าโดยสารในอัตราใหม่ 15-104 บาทแต่อย่างใด โดยกล่าวเพียงว่า “ขออนุญาตไม่ตอบคำถามนี้“ และข้ามไปตอบคำถามประเด็นการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันศุกร์นี้ (29 ม.ค. 2564) แทน

สำหรับคำถามที่ถามนายกรัฐมนตรีหลังประชุม ครม. ในแต่ละสัปดาห์ จะมีการรวบรวมผ่านกลุ่มสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล แล้วส่งให้คณะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อส่งให้นายกรัฐมนตรีตอบคำถามต่อไป