เชื่อม 4 ท่าเรือริมเจ้าพระยา บูมท่องเที่ยวฝั่งธนฯ-พระนคร

แม้จะเกิดสถานการณ์โควิดระบาดระลอกใหม่ กระจายไปหลายพื้นที่กรุงเทพมหานคร แต่การดำเนินชีวิต ธุรกิจ ยังต้องเดินหน้าต่อ

โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นหัวใจหลัก เมื่อต่างชาติลูกค้าหลักยังเดินทางเข้าประเทศไม่ได้ จำต้องหันมาพึ่งคนในประเทศด้วยกัน ทำให้ผู้ประกอบการพลิกกลเม็ดดึงดูดลูกค้า

ล่าสุด “กรมเจ้าท่า” ผู้คุมท่าเรือแม่น้ำเจ้าพระยา จับมือกับ “ล้ง 1919” คืนชีวิตท่าเรือ “ฮวย จุ่ง ล้ง” แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ไทย-จีน ริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้คึกคักรับเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึงนี้

“วิทยา ยาม่วง” อธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2564 ได้หารือกับผู้บริหารบริษัท ซิโนพอร์ท จำกัด ในการเปิดใช้เป็นท่าเรือสำหรับให้บริการเรือโดยสารข้ามฟาก เพื่อเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวชุมชนย่านฝั่งธนกับชุมชนย่านตลาดน้อยฝั่งพระนคร

โดยใช้ท่าเรือกรมเจ้าท่าเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อ ระหว่าง 4 ท่าเรือ ประกอบด้วย ท่าเรือกรมเจ้าท่า-ท่าเรือหวั่งหลี (ล้ง 1919)-ท่าเรือกรมเจ้าท่า-ท่าเรือปากคลองสาน และในอนาคตจะเพิ่มจุดเชื่อมต่อท่าเรือกรมเจ้าท่า-ท่าเรือภาณุรังษี เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้ใช้บริการสัญจรทางน้ำ และนักท่องเที่ยวจะเปิดบริการวันที่ 1 ก.พ. 2564 นี้ และมอบเป็นของขวัญปีใหม่ในช่วงเทศกาลตรุษจีน

 

สำหรับท่าเรือล้ง 1919 ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตรงข้ามกับตลาดน้อย เป็นที่เที่ยวแนว heritage อีกแห่งที่น่าสนใจมาก ๆ ด้วยการพลิกฟื้นอดีตท่าเรือ “ฮวย จุ่ง ล้ง” ท่าเรือกลไฟริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีบทบาทสำคัญของสยาม ในสมัยรัชกาลที่ 4 ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทำให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าใจถึงเรื่องราวประวัติศาสตร์ไทย-จีน ที่มีการค้าขายสินค้าผ่านการขนส่งทางน้ำกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ยังหารือจัดหาสถานที่จอดรถบริเวณท่าเรือหวั่งหลี “ล้ง 1919” จำนวน 30 คัน เป็นสวัสดิการให้กับข้าราชการและเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า ที่พักอาศัยอยู่บริเวณฝั่งธนบุรี เพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แก้ไขปัญหาการจราจรและเพิ่มจุดลดความแออัดในเขตตัวเมืองกรุงเทพฯ พร้อมเชื่อมต่อระบบรถ ราง เรือ